คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานเอกสารที่อ้างและมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดก็ตามแต่เมื่อศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวเพราะเห็นว่า เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเป็น จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานนั้นได้
โจทก์ได้แจ้งการประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ จำเลยก็ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับกองทุนเงินทดแทน จำเลยประกอบธุรกิจมีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป มีหน้าที่จ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง อัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนฯ โจทก์ได้ประเมินและออกใบแจ้งหนี้เงินสมทบที่จำเลยจะต้องจ่ายสำหรับปี 2524 และปี 2525 ส่งให้จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จำเลยทราบการแจ้งหนี้ของโจทก์แล้วแต่ไม่นำเงินไปชำระ โจทก์มีหนังสือทวงถามไปอีกหลายครั้งให้จำเลยจ่ายเงินสมทบพร้อมเงินเพิ่ม จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระหนี้และไม่อุทธรณ์การประเมินเงินสมทบของโจทก์ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบการประเมิน ขอศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจำปี 2524 และปี 2525 แก่โจทก์พร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายในอัตราร้อยละ 5 ต่อเดือนจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า ปี 2524 จำเลยยินยอมที่จะจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนโดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน เจ้าหน้าที่ได้บันทึกรับทราบเอาไว้ ส่วนปี 2525 จำเลยมิได้รับทราบการแจ้งยอดหนี้จากโจทก์ จึงไม่ทราบว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ในวันพิจารณาจำเลยแถลงว่า ยอมจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนปี 2524 คดีคงมีประเด็นพิพาทว่าจำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนสำหรับปี 2525 และเงินเพิ่มหรือไม่ ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินสมทบกองทุนเงินทดแทนปี 2524 และปี 2525 กับเงินเพิ่ม ให้จำเลยจ่ายเงินเพิ่มเป็นรายเดือนทุกเดือนในอัตราร้อยละห้าของเงินสมทบที่ค้างจ่ายจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ที่ว่า ผู้อ้างเอกสารต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน และมาตรา 90ที่ว่า ผู้อ้างเอกสารจะต้องส่งสำเนาให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน เห็นว่า การที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานเอกสารที่อ้างและมิได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่จำเลยภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวนั้น เมื่อศาลแรงงานกลางใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเป็นจะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลแรงงานกลางชอบที่จะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ทั้งนี้ตามบทบัญญัติมาตรา 87 (2) ฉะนั้นที่ศาลแรงงานกลางรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวจึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย คดีได้ความว่า สำหรับเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจำปี 2525 พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินแล้วได้ส่งใบแจ้งหนี้เงินสมทบประจำปี 2525 ไปยังจำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับโดยส่งไปที่สถานที่ประกอบการที่จำเลยแจ้งไว้ซึ่งจำเลยยังมีชื่อและที่อยู่ในทะเบียนบ้านบุตรสาวจำเลยเป็นผู้รับใบแจ้งหนี้ไว้แทนตามใบตอบรับใบแจ้งหนี้ รับเมื่อเวลาก่อนที่จำเลยจะได้แจ้งที่อยู่ใหม่ให้โจทก์ทราบ ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ได้แจ้งการประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบการประเมินตามข้อ 23 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราและวิธีเรียกเก็บเงินสมทบการจ่ายเงินทดแทนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทนและการอุทธรณ์ ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2516 จำเลยก็ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนประจำปี 2525 ให้โจทก์

พิพากษายืน

Share