คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย. ผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจำเลยในตอนบ่ายของวันเกิดเหตุ. ครั้นตอนกลางคืน ย. กับพวกมาเรียกจำเลยที่หน้าร้านจำเลยซึ่งปิดแล้วให้ออกไปปรับความเข้าใจกัน.จำเลยย่อมทราบดีว่า ย. มาเพื่อก่อเรื่องชวนวิวาท. การที่จำเลยเปิดประตูและนำเอาอาวุธปืนออกไปพบกับ ย. กับพวกแล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมมายิง ย.กับว. ถึงแก่ความตายเช่นนี้. แสดงว่าจำเลยกับพวกผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กัน. แม้จำเลยจะถูกพวกของผู้ตายยิงและทำร้ายได้รับบาดเจ็บ. จำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายยุทธนาและนายวิชัย โดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกบุคคลทั้งสองถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
นายดำรงค์บิดาของผู้ตายทั้งสองได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ลงโทษจำคุกและริบของกลาง
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 15 นาฬิกาเศษ นายยุทธนาผู้ตายมาที่ร้านจำเลย พูดกับจำเลยเกี่ยวกับเรื่องจำเลยโกรธเคืองกับนายพิชัยและพูดขู่จำเลยว่าให้เตรียมตัวไว้ให้ดี แสดงว่านายยุทธนามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจำเลยมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว ครั้นตอนกลางคืนเวลาประมาณ 21.30 นาฬิกา นายยุทธนากับนายพิชัยได้พากันมาที่หน้าร้านจำเลย เรียกจำเลยให้ออกไปปรับความเข้าใจกัน ขณะนั้นร้านจำเลยปิดแล้วจำเลยย่อมทราบดีว่าที่นายยุทธนากับนายพิชัยมาเรียกให้ออกไปปรับความเข้าใจในยามวิกาลเช่นนี้เป็นการมาก่อเรื่องชวนวิวาท เพราะตอนบ่ายก็ทะเลาะโต้เถียงกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าหากจำเลยหลีกเลี่ยงไม่ออกไปเผชิญหน้ากับนายยุทธนากับพวกโดยการนิ่งเฉยไม่เปิดประตูร้านออกไปแล้ว เหตุการณ์ร้ายแรงก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นการที่จำเลยเปิดประตูและนำเอาอาวุธปืนออกไปพบกับนายยุทธนากับพวกแล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกัน และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมมายิงนายยุทธนากับนายวิชัยถึงแก่ความตายเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยกับพวกผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กันแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยถูกพวกของผู้ตายยิงและทำร้ายได้รับบาดเจ็บด้วยก็ตามจำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share