แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตรงที่ถนนสองถนนตัดทับกันนั้นคือทางร่วม รถที่แล่นตามถนนจากทิศใต้ไปเหนือเมื่อมาถึงตรงที่ถนนตัดกันนั้นย่อมเป็นรถทางซ้ายของรถที่แล่นมาจากทิศตะวันออกมาตะวันตก
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้รวมพิจารณาพิพากษา สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างขับรถจำเลยที่ 1 ได้ขับรถโดยประมาทชนรถโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้ให้
จำเลยให้การต่อสู้ว่ารถโจทก์เป็นฝ่ายผิด ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องนายทองหล่อเป็นจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่าเป็นคนขับรถของโจทก์ในสำนวนแรกได้ขับรถประมาทชนรถของนายตั๋น (จำเลยที่ 1 ในสำนวนแรกเสียหายขอให้ใช้ค่าเสียหายเท่าที่ได้ฟ้องแย้งไว้
โจทก์ และนายทองหล่อคงต่อสู้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิด
เมื่อสืบพยานโจทก์ได้สองปากแล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าขอให้ศาลวินิจฉัยพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 12 ถ้าฝ่ายใดถูกก็ให้ชนะคดีไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่เกิดเหตุเป็นทางร่วมตามมาตรา 12 พระราชบัญญัติจราจรทางบก รถโจทก์มาทางซ้ายเป็นรถที่ได้ไปก่อนพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามที่ตกลงท้ากันไว้ และให้ยกฟ้องแย้งเสีย
จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่ารถโจทก์แล่นตามถนนรัตนเขตจากทิศใต้ไปเหนือ รถจำเลยแล่นตามถนนชนาลัยจากทิศตะวันออกไปตะวันตก รถชนกันบนถนนที่ตัดกันเห็นว่าตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 12ทางร่วมคือทางที่มาบรรจบกันหรือร่วมกัน ทางแยกคือที่แยกไปจากกันถนนที่ตัดกันนั้นต้องถือว่าตรงที่ตัดหรือผ่านหรือทับกันนั้นเป็นทางร่วมรถโจทก์แล่นจากใต้ไปเหนือ จึงเป็นรถทางซ้ายของรถจำเลยซึ่งแล่นจากตะวันออกไปตะวันตก ศาลล่างชี้ขาดมาชอบแล้ว พิพากษายืน