คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมือเปล่าแม้จะเป็นที่สวนก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้ปรากฎว่าโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทนี้ตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 แล้วก็ต้องถือว่าสิทธิในที่ดินนี้เป็นแต่เพียงสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.บรรพ 4 ในลักษณะครอบครองหากถูกแบ่งการครอบครองเกิน 1 ปี แล้วย่อมหมดสิทธิตาม ป.พ.พ.ม.1375

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่สวนเป็นของโจทก์โดยบิดายกให้จำเลยบุกรุก ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ขับไล่หรือห้ามอย่าให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเดิมเป็นที่ว่างเปล่าจำเลยถากถางครอบครองมา โจทก์ไม่ฟ้องปล่อยให้เวลาล่วงเลยมา ๒ ปีหากเป็นที่ของโจทก์จริง โจทก์ก็มีสิทธิครอบครอง เมื่อปล่อยให้จำเลยเข้าแย่งการครอบครองเกินกว่า ๑ ปีแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิ
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าที่พิพาทเป็นที่สวนเตย ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่และจำเลยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมาจริง โจทก์รับว่าจำเลยได้เข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทมาเกิน ๑ ปีแล้วจริง
โจทก์จำเลยโต้เถียงเรื่องอายุความ โจทก์ว่าที่นี้เป็นที่สวน ต้องถืออายุความ ๙-๑๐ ปี แต่จำเลยว่าต้องถืออายุความ ๑ ปี โจทก์ไม่ฟ้องภายในกำหนด คดีจึงขาดอายุความตามคำให้การจำเลยโจทก์จำเลยต่างไม่ติดใจสืบพยานต่อไป โดยแถลงขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่าคดีขาดอายุความแล้วหรือไม่เท่านั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ได้สืบแสดงให้เห็นว่ามีกรรมสิทธิในที่สวนพิพาทมาตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ แล้วก็ต้องถือว่าสิทธิในที่สวนรายนี้เป็นสิทธิครอบครองมือเปล่าธรรมดาเช่นเดียวกับที่นามือเปล่าอ้างฎีกาที่ ๘๘๒/๒๔๙๔ และที่ ๕/๒๔๙๕ โจทก์ผู้รับยกให้จึงมีแต่สิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.ม.๑๓๖๗ เมื่อจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทมาเกิน ๑ ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ.ม.๑๓๗๔,๑๓๗๕ พิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินพิพาทเป็นที่มือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ แม้จะเป็นที่สวนเมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้ปรากฎว่า บิดาโจทก์หรือโจทก์มีสิทธิในที่ดินรายนี้ตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ แล้ว ก็ต้องถือว่าสิทธิในที่ดินนี้เป็นแต่เพียงสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.บรรพ ๔ ในลักษณะครอบครอง เมื่อโจทก์ยอมรับว่าจำเลยแย่งการครอบครองเกิน ๑ ปีแล้ว โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิตาม ป.พ.พ.ม.๑๓๗๕ พิพากษายืน

Share