แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เช่าที่ดินจำเลย 2 ปี ชำระค่าเช่าปีละครั้งและจำเลยกู้เงินโจทก์กำหนด 1 ปีข้อสัญญามีว่าจะชำระดอกเบี้ยทุกเดือน ยังไม่ครบ 1 ปีโจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินกู้อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ยทุกเดือน จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยยังไม่ผิดสัญญาและนำสืบว่ามีสัญญาปากเปล่าระหว่างโจทก์จำเลยว่าให้จำเลยหักดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ชำระค่าเช่าที่ดินซึ่งมีจำนวนเท่ากัน จำเลยนำสืบเช่นนี้ได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ ๑๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยโดยอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ย จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไปจริง โดยเดิมโจทก์ตกลงซื้อที่จำเลยหนึ่งแปลงราคา ๑๐,๐๐๐ บาท ระหว่างรออำเภอประกาศตามระเบียบโจทก์เร่งร้อนที่จะปลูกสร้างโรงเรือน จึงมอบเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทให้จำเลย โดยให้จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ โดยมีข้อตกลงกันว่าดอกเบี้ยเงินกู้นั้นให้หักเป็นค่าเช่าที่ดิน จำเลยยังไม่ผิดสัญญา สัญญากู้ยังไม่ถึงกำหนด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อตกลงหักหนี้ที่จำเลยอ้างมิได้ระบุไว้ในสัญญากู้ต้องห้ามมิให้นำสืบ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้นและดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยนำสืบเรื่องหักหนี้ได้ และฟังว่าความจริงเป็นเรื่องซื้อขายที่ดิน เมื่อมีข้อตกลงกันให้หักดอกเบี้ยกับค่าเช่าที่ดินกันแล้วจำเลยจึงยังไม่ผิดสัญญา หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ตกลงซื้อที่ดินจำเลยราคา ๑๐,๐๐๐ บาท ระหว่างรอคำสั่งของอำเภอในการซื้อรายนี้ โจทก์ต้องการปลูกสร้างลงในที่ดินก่อน จึงตกลงกันโดยโจทก์ทำสัญญาเช่า ๒ ปี ค่าเช่าปีละ ๑,๕๐๐ บาท และโจทก์มอบเงินให้จำเลย ๑๐,๐๐๐ บาท โดยให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้มีกำหนด ๑ ปีดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ บาท และตกลงกันด้วยปากว่าดอกเบี้ยและค่าเช่าเท่ากันไม่ต้องชำระให้แก่กัน ต่อมาการซื้อขายทำกันไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการสืบข้อตกลงหักดอกเบี้ยกับค่าเช่าเป็นการสืบถึงสัญญาอีกอันหนึ่ง กำหนดวิธีการชำระหนี้แก่กันโดยให้หักดอกเบี้ยไว้เป็นค่าเช่า จึงไม่ใช่การสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมเอกสาร ฉนั้นเมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันยอมให้หักดอกเบี้ยไว้เป็นค่าเช่าได้เช่นนี้ จำเลยจึงยังหาผิดสัญญากู้ไม่สัญญายังไม่ถึงกำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน.