คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า จำเลยได้หยุดกิจการชั่วคราวไม่มีคนอยู่ หากมีเรื่องต้องแจ้งแก่จำเลยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งไปยังที่อยู่แห่งใหม่ เป็นกรณีที่จำเลยประสงค์ถือเอาสถานที่ตามคำร้องเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยในการดำเนินคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องแจ้งการขายทอดตลาดไปยังภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลย การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดประกาศ ณ ภูมิลำเนาตามที่ปรากฏในทะเบียนหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัททั้งที่ได้รับคำร้องแจ้งภูมิลำเนาเฉพาะการก่อนหน้านั้นแล้ว เป็นการแจ้งที่ไม่ชอบถือไม่ได้ว่ามีการแจ้งการขายทอดตลาดแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมที่ให้ร่วมกันชำระหนี้ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 คือห้องชุดเลขที่ 8 อาคารชุดชื่อเฮอริเทจทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 2/2526 และขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 20มิถุนายน 2532 โดยนางวราภรณ์ โลหะพิบูลย์ เป็นผู้ซื้อได้ในราคา4,500,000 บาท
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่แจ้งคำโฆษณาบอกขายทอดตลาดให้จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีทราบ ถ้าจำเลยทั้งสามมีโอกาสทราบประกาศการขายทอดตลาดก็สามารถติดต่อผู้ที่เคยมาขอซื้อทรัพย์สินดังกล่าวในราคา6 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้จำเลยทั้งสามหลุดพ้นหนี้สินทั้งหมด เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้นางวราภรณ์ โลหะพิบูลย์ราคา 4,500,000 บาท จึงเป็นราคาต่ำไป จำเลยทั้งสามเพิ่งทราบว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมายเมื่อวันที่26 มิถุนายน 2532 ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งประกาศการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว โดยแจ้งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เลขที่ 8/3 ถนนสุขุมวิท 8 (ซอยปรีดา) แขวงคลองเตยเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ราคาทรัพย์สินที่ขายก็เป็นราคาที่สมควร ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการโดยถูกต้องและผู้ซื้อได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสามศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสามว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่แจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทั้งสามทราบและไม่ปิดประกาศขายทอดตลาดโดยเปิดเผยณ สถานที่ที่ทรัพย์ตั้งอยู่ จึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายสำหรับปัญหาแรกคู่ความรับกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2532 ว่าบริษัทจำเลยที่ 1 จดทะเบียนว่ามีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 8/3 สุขุมวิท 8 (ซอยปรีดา)ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 1โดยวิธีปิดประกาศ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน2532 และยังรับกันอีกว่า จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2532 มีใจความสำคัญว่าเนื่องจากบริษัทจำเลยที่ 1 ได้หยุดกิจการชั่วคราวไม่มีคนอยู่หากมีเรื่องต้องแจ้งแก่จำเลยที่ 1 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งไปยังเลขที่ 18 อาคาร 6 ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าว เพราะจำเลยที่ 1 มีความประสงค์ถือเอาสถานที่ตามคำร้องเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยที่ 1ในการดำเนินคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 49 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องแจ้งการขายทอดตลาดไปยังภูมิลำเนาเฉพาะการของจำเลยที่ 1 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีปิดประกาศ ณ ภูมิลำเนาตามที่ปรากฏในทะเบียนหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ทั้งที่ได้รับคำร้องแจ้งภูมิลำเนาเฉพาะการก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเป็นการแจ้งที่ไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่ามีการแจ้งการขายทอดตลาดแก่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบ ที่ศาลล่างทั้งสองถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งการขายทอดตลาดแก่จำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดใหม่

Share