แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 3หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเข้าทำสัญญาว่าจ้างโจทก์แทนจำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้ตัดสินใจต่อรองราคาได้เอง รวมทั้งเพิ่มงานบางส่วนเองโดยจำเลยที่ 3 ไม่มีหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3สอดเข้าเกี่ยวข้องกับการจัดการงานของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 3ต้องรับผิดในบรรดาหนี้สินของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ได้รับจ้างก่อสร้างโรงงานสุราให้แก่บริษัทที.ซี.ซี. จำกัด ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุตรดิตถ์ในการสร้างโรงงานดังกล่าว จำเลยที่ 1 ติดต่อให้โจทก์เป็นผู้ติดตั้งวางท่อระบบประปาทั้งภายนอกและภายในอาคารของโรงงานสุราทั้งสองแห่ง โจทก์ได้เสนอราคาค่าติดตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเงิน 4,788,952 บาท และที่จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นเงิน4,860,847 บาท ในการเจรจาตกลงต่อรองราคานั้น จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ได้ออกหน้าในการเจรจาต่อรองในนามจำเลยที่ 1 กับโจทก์ ในที่สุดจำเลยที่ 1ตกลงตามที่โจทก์เสนอแต่ขอลดราคาค่าก่อสร้างและติดตั้งลง ซึ่งโจทก์ได้ตกลงดำเนินการตามที่เจรจาคิดราคาค่าติดตั้งระบบประปาที่โรงงานสุราจังหวัดเชียงใหม่เป็นเงิน 4,288,082 บาท และที่โรงงานสุราจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นเงิน 3,912,882 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,200,934 บาท โจทก์ขอเบิกเงินสำหรับบางส่วนของผลงานที่โจทก์ทำแล้วเสร็จจำเลยที่ 1 เพิกเฉยและไม่ชำระให้โจทก์อันเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในหนี้ทั้งหมด จำเลยที่ 3 เคยเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ในช่วงที่มีการตกลงทำสัญญากันและได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 3 ไม่เคยทำการใด ๆ แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 โจทก์ทราบดีว่าจำเลยที่ 3 ไม่มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นเพียงผู้ติดต่อประสานงานให้ตามที่โจทก์ขอร้อง จึงไม่ต้องรับผิด และการใดที่จำเลยที่ 3 กระทำไปในการว่าจ้างโจทก์จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยที่ 3เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 โจทก์ได้รับจ้างจำเลยที่ 1 ติดตั้งวางท่อระบบประปาที่โรงงานสุราจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุตรดิตถ์ โจทก์ได้วางท่อระบบประปายังไม่แล้วเสร็จจำเลยที่ 1 ชำระค่าจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ 1 จ้างโจทก์ติดตั้งวางท่อระบบประปาที่โรงงานทั้งสองแห่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน ใครเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1ค้างชำระค่าจ้างโจทก์อยู่หรือไม่เพียงใด และจำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่โจทก์มีนายเดชพล วงศ์ปิติรุ่งเรืองกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์มาเบิกความเป็นพยานว่า พยานได้รับแบบแปลนระบบประปาและท่อน้ำที่จะสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุตรดิตถ์จากสำนักงานสาขาของจำเลยที่ 1 และได้เสนอราคาต่อจำเลยที่ 1 แห่งละ 4,000,000 บาทเศษได้พบกับจำเลยที่ 3 ซึ่งอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนและน้องชายจำเลยที่ 2 มีอำนาจทำแทนจำเลยที่ 2ได้ จำเลยที่ 3 ขอลดราคาบางส่วนและเพิ่มงานบางส่วนพยานก็ตกลงจำเลยที่ 3 ได้ขีดฆ่าส่วนที่ขอลดออกและเพิ่มรายการลงไปตามเอกสารหมาย จ.4 และจ.5 จำเลยทั้งสามมีจำเลยที่ 3 มาเบิกความว่าโจทก์มาติดต่อกับพยานขอทำงานระบบประปาของโรงงานสุราที่จังหวัดเชียงใหม่และอุตรดิตถ์ และทำใบเสนอราคามาให้ตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 พยานได้ขีดฆ่าตัวเลขในใบเสนอราคาดังกล่าวแล้วเขียนขึ้นใหม่และลงชื่อกำกับไว้ พยานได้ทำไปในฐานะที่เป็นวิศวกรโดยหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ไม่ทราบเรื่องทั้งพยานไม่ได้รับมอบหมายจากหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ในเรื่องนี้พยานโจทก์ได้แนะนำโจทก์ให้ไปติดต่อกับพนักงานของจำเลยที่ 1ที่จังหวัดเชียงใหม่ กับมีนายบุญช่วย ภู่จีนาพันธ์ รองผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 มาเบิกความว่า คนของโจทก์มาติดต่อทำใบเสนอราคาตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 มาให้ดู พยานได้ตรวจดูแล้วเห็นว่าที่โจทก์เสนอราคามานั้นเป็นการเสนอทำระบบประปาทั้งหมด แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ลงมือทำระบบประปาไปแล้ว 25-30 เปอร์เซ็นต์พยานได้เจรจาให้โจทก์ทำระบบประปาบางส่วนซึ่งโจทก์ตกลง แสดงว่าราคาที่นายบุญช่วย ตกลงกับโจทก์มิใช่ราคาที่จำเลยที่ 3 เขียนไว้ในเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 แต่ไม่ปรากฏในคำเบิกความของนายบุญช่วยว่าราคาแน่นอนที่ตกลงว่าจ้างโจทก์นั้นมีจำนวนเท่าใดหรือมีหลักเกณฑ์ในการคิดค่าจ้างกันอย่างไร อันเป็นสาระสำคัญของการทำสัญญาจ้าง คำเบิกความของพยานจำเลยทั้งสามดังกล่าวขัดต่อเหตุผลตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 จำเลยที่ 3 เป็นผู้กำหนดราคาค่าจ้างรวมทั้งกำหนดให้เพิ่มงานบางส่วนขึ้นอีก หากจำเลยที่ 1 ได้ลงมือทำระบบประปาไปบ้างแล้วดังที่นายบุญช่วยเบิกความ จำเลยที่ 3 ก็ย่อมจะต้องทราบและต้องหักราคาค่าจ้างในส่วนนี้ออก ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ให้วางท่อระบบประปาที่โรงงานสุรา จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งหมด นายเดชพล นายประวัติ พรหมทอง นายประยูร จันดี และนายสวัสดิ์ ชัยดี ผู้ควบคุมงานของโจทก์เบิกความว่า โจทก์ได้ส่งผลงานให้จำเลยที่ 1 ตรวจรับเป็นคราว ๆ และขอรับเงินตามผลงานแต่จำเลยที่ 1 จ่ายให้ไปครบ หม่อมหลวงรณฤทธิ์ ปราโมช วิศวกรของจำเลยที่ 1 ในขณะที่มีการตรวจรับงานก็มาเบิกความเป็นพยานให้โจทก์ว่า พยานได้ทำรายงานให้จำเลยที่ 1 ได้ทราบว่าโจทก์ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบการส่งน้ำประปาภายในอาคารโรงงานระบบเมนน้ำส่งภายนอกโรงงานและระบบเมนดับเพลิงที่จังหวัดอุตรดิตถ์ได้ผลงาน 94 เปอร์เซ็นต์ ตามเอกสารหมาย จ.26 การรายงานดังกล่าวเป็นการกระทำตามหน้าที่มีผลทำให้จำเลยที่ 1ต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามผลงานที่พยานได้รายงาน หากจำเลยที่ 1 เห็นว่ารายงานดังกล่าวไม่ถูกต้องก็จะต้องทำการตรวจสอบเสียก่อน ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่ารายงานดังกล่าวไม่ตรงกับความจริงไม่ยอมจ่ายเงินให้โจทก์จึงไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อถือ ประกอบกับจำเลยที่ 2 ก็เบิกความยอมรับว่าในปี พ.ศ. 2527 ถึง 2528 จำเลยที่ 1 มีฐานะไม่ดี ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระเงินค่าจ้างให้โจทก์ตามสัญญาและเมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จ้างให้โจทก์ทำระบบประปาทั้งหมดตามราคาที่จำเลยที่ 3 ได้แก้ไขแล้วในใบเสนอราคาเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าก่อนจ้างโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างไปก่อนแล้ว 25-30 เปอร์เซ็นต์ ไม่น่าเชื่อดังที่ได้วินิจฉัยแล้วข้างต้นจำเลยที่ 1 จึงค้างชำระค่าจ้างโจทก์จำนวน 5,244,952 บาทตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยไว้แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 3 เข้าทำสัญญาว่าจ้างโจทก์แทนจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้ตัดสินใจต่อรองราคาได้เอง รวมทั้งเพิ่มงานบางส่วนเองโดยจำเลยที่ 3 ไม่มีหน้าที่เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 สอดเข้าเกี่ยวข้องกับการจัดการงานของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดในบรรดาหนี้สินของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน