คำสั่งคำร้องที่ 3018/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสี่ได้รับอนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างฎีกาโดยให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกับจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรแต่งตั้งเป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาท แล้วนำมาวางต่อศาลชั้นต้น 1 ใน 8 ของจำนวนที่เก็บได้เป็นรายเดือนการจัดเก็บผลประโยชน์ที่พิพาทดังกล่าว เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งและดำเนินการต่อไป โจทก์จะให้ดำเนินการอย่างไรก็ต้องไปยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้น

ย่อยาว

ความว่า การที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์โดยให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกับจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรแต่งตั้งเป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์ที่พิพาทแล้วนำมาวางต่อศาลชั้นต้นจำนวน 1 ใน 8 ส่วนของจำนวนที่เก็บได้เป็นรายเดือนนั้น ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์เคยมีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ในทำนองเดียวกันนี้มาแล้วในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ แต่ได้เกิดปัญหาข้อพิพาทขัดแย้งกันจนไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ได้กล่าวคือจำเลยมีพฤติการณ์ทุจริตและขัดขวางการดำเนินการตามคำสั่งศาลและจำเลยยังเป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์รายได้ของที่พิพาท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 แต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมแบ่งให้โจทก์ เพื่อมิให้มีข้อพิพาทหรือขัดแย้งกันระหว่างปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งกำหนดรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติตามคำสั่งอนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยกำหนดให้โจทก์ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยอีกฝ่ายหนึ่งผลัดเปลี่ยนกันเก็บผลประโยชน์เงินรายได้ของที่พิพาทฝ่ายละ 15 วัน สลับวันไปภายใต้การควบคุมของจ่าศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี กำหนดค่าใช้จ่ายในการเก็บเงินรายได้เป็นเงินวันละ 1,000 บาท แล้วให้ผู้เก็บผลประโยชน์รายได้นำเงินที่เก็บได้แต่ละวันภายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วมาวางต่อศาลชั้นต้น จำนวน 1 ใน 8 ส่วนทุกวันจนกว่าจะแบ่งที่ดินแล้วเสร็จ

หมายเหตุ จำเลยทั้งเจ็ดได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 10, 11)

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 582 ตำบลเชิงเนินอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ให้โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิได้รับ 1 ใน 8 ส่วน หากไม่สามารถทำได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ที่ 1 กับที่ 4 เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ที่ 2

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ต่างฎีกา (สำนวนส่วนที่ 2 อันดับ 206, 202)

โจทก์ทั้งสี่ได้รับอนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างฎีกาโดยให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ร่วมกับจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรแต่งตั้งเป็นผู้จัดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาท แล้วนำมาวางต่อศาลชั้นต้น 1 ใน 8 ของจำนวนที่เก็บได้เป็นรายเดือน

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ยื่นคำร้องดังกล่าว (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 4)

ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถาม ทนายจำเลยทั้งเจ็ดแถลง ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 12)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว การจัดเก็บผลประโยชน์ที่พิพาทโดยให้หักค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงตามคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว ระหว่างฎีกาฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2535 เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งและดำเนินการต่อไป ให้ส่งเรื่องคืนไป และให้ยกคำร้องของโจทก์ค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share