คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 จะเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา แต่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาเพราะไม่จัดการแก้ไขให้ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้ออยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จำเลยก็มีสิทธิเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 ได้
เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 แล้ว การชำระหนี้อันเกิดแต่การเลิกสัญญา มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจึงต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา 391 โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืนให้แก่จำเลยแต่เงินค่าเช่าซื้อมิใช่ราคาทรัพย์อย่างเดียว หากแต่เป็นค่าเช่ารวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ที่เช่าซื้ออยู่จึงต้องหักค่าเช่าออกจากจำนวนค่าเช่าซื้อที่ต้องคืนจำเลยให้โจทก์เสียก่อน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องฟรีสครูสแอร์จากโจทก์ 2 เครื่องโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1ชำระค่าเช่าซื้อบางส่วนแล้วผิดสัญญาต่อมาจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงมีสิทธิริบค่าเช่าซื้อที่ได้ชำระแล้วและจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบเครื่องฟรีสดังกล่าวคืนโจทก์จำเลยไม่ส่งคืนขอให้จำเลยทั้งสองคืนเครื่องฟรีสและชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่าเครื่องฟรีสทั้งสองเครื่องใช้การไม่ได้จำเลยที่ 1 ให้โจทก์จัดการแก้ไขโจทก์ก็ไม่จัดการจำเลยที่ 1 จึงบอกเลิกสัญญาและให้โจทก์มารับเครื่องฟรีสคืนโจทก์ไม่มารับคืนจำเลยมีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าซื้อที่ได้ชำระไปแล้วคืน ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าเมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโจทก์มีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองคืนเครื่องฟรีสแก่โจทก์หากคืนไม่ได้ก็ให้ชำระราคา คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้โจทก์คืนเงินค่าเช่าซื้อแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อจำเลยที่ 1ผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเงินค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1ชำระไปแล้วจะเรียกคืนไม่ได้จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 369 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไปมาใช้กับสัญญาเช่าซื้อซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วหาได้ไม่ นั้นเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 573 ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้นั้นเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อที่จะเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่มีการผิดนัดผิดสัญญา ข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ไม่จัดการแก้ไขเครื่องฟรีสที่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อันเป็นการผิดสัญญาจำเลยที่ 1 จึงใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 ได้การชำระหนี้ของคู่สัญญาอันเกิดแต่การเลิกสัญญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 392 บัญญัติให้เป็นไปตามมาตรา 369 และเมื่อเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสถานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 แต่เงินค่าเช่าซื้อเครื่องฟรีสที่จำเลยที่ 1 ชำระแก่โจทก์มิใช่ราคาเครื่องฟรีสอย่างเดียวหากแต่เป็นค่าเช่าเครื่องฟรีสอีกส่วนหนึ่งด้วยซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ครอบครองใช้ประโยชน์เครื่องฟรีสอยู่จึงต้องหักค่าเช่าให้โจทก์จากจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์จะต้องส่งคืนแก่จำเลยที่ 1 ก่อน
พิพากษาแก้ให้หักเงินค่าเช่าออกจากค่าเช่าซื้อที่โจทก์จะต้องคืนจำเลยที่ 1.

Share