แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายดินลูกรัง ข้อ 8 วรรคแรก ที่ว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อ มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรกนั้น แต่โจทก์ ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาอีกหลายครั้งและแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบนับตั้งแต่วันถัดจาก วันครบกำหนดอายุสัญญาจนถึงวันที่โจทก์แจ้งให้ทราบไปชำระ แก่โจทก์ตามที่ระบุในสัญญาข้อ 9 วรรคแรก ฝ่ายจำเลยที่ 1 ก็มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ายังเป็นฤดูฝนไม่สามารถส่ง ดินลูกรังให้ได้ หากส่งได้เมื่อใดจะดำเนินการให้ทันที แสดงว่า จำเลยที่ 1 ยังมีเจตนาที่จะขายสินค้าให้โจทก์ต่อไป กรณีจึง เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยังให้โอกาสจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังได้อีกหากจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในเวลาที่โจทก์กำหนด ย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ที่จะไม่ถูกริบเงินประกันสัญญาจำนวน 35,880 บาท เพราะโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 วรรคสอง เพียงแต่จำเลยที่ 1จะถูกปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาดินลูกรังที่ยังไม่ได้ส่งมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกเท่านั้นซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าเงินประกันสัญญา แต่เมื่อจำเลยที่ 1ไม่ยอมส่งมอบดินลูกรังที่โจทก์ทวงถามไป โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสาม ซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าปรับ จำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 117,714 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันให้การว่า ผู้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายไม่ได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีโจทก์ จึงไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายสัญญาซื้อขายดินลูกรังกำหนดให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบภายใน 60 วัน ต้องนับตั้งแต่วันที่2 กรกฎาคม 2528 อันเป็นวันทำสัญญา สัญญาจึงครบกำหนดในวันที่31 สิงหาคม 2528 การนับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2528จึงเหลือเวลาที่จำเลยที่ 1 จะส่งมอบดินลูกรังเพียง 42 วันและเป็นช่วงฤดูฝน เป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 1 จะส่งมอบดินลูกรังได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญา โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแล้ว จึงปรับจำเลยที่ 1 อีกไม่ได้ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาซื้อขายต่อโจทก์ทำให้โจทก์ต้องซื้อดินลูกรังแพงขึ้นเป็นเงิน 92,000 บาทโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายดังกล่าวได้ แต่ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวัน พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 92,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยทั้งสามด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 25,714 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2528 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำสัญญาซื้อขายดินลูกรังกัน โดยจำเลยที่ 1 ขายดินลูกรังจำนวน 11,500 ลูกบาศก์เมตร ราคาลูกบาศก์เมตรละ 52 บาท ให้โจทก์กำหนดการส่งมอบรวม 2 งวด งวดละ 5,750 ลูกบาศก์เมตร งวดที่ 1 ภายใน 30 วัน และงวดที่ 2 ภายใน 60 วัน โดยนับจากวันที่ 15 มิถุนายน 2528 ทั้ง 2 งวด รายละเอียดปรากฏตามสัญญาซื้อขายดินลูกรัง เอกสารหมาย ป.จ.2 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในระยะเวลาตามสัญญาโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาหลายครั้งพร้อมกับแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบไปชำระแก่โจทก์ด้วย แต่จำเลยที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 2 สิงหาคม 2528 แจ้งให้โจทก์ทราบว่าเป็นฤดูฝน ยังไม่สามารถส่งดินลูกรังให้ได้หากสามารถดำเนินการเมื่อใดจะทำให้ทันที ต่อมาโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2528 พร้อมกับแจ้งว่าโจทก์ได้ริบเงินประกันสัญญาจำนวน 35,880 บาทแล้ว และเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับ 25,714 บาทด้วย ตามหนังสือบอกเลิกสัญญาต่อมาโจทก์เปิดประมูลซื้อดินลูกรังใหม่ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลทวิผลกาฬสินธุ์ เสนอราคาต่ำสุด โจทก์ทำสัญญาซื้อขายดินลูกรังกับห้างดังกล่าวโดยมีปริมาณเท่ากับที่ซื้อจากจำเลยที่ 1 ราคาลูกบาศก์เมตรละ 60 บาท ห้างดังกล่าวได้ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์เรียบร้อยแล้ว โจทก์ต้องซื้อดินลูกรังแพงขึ้นเป็นเงิน 92,000 บาท
ปัญหาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยที่ 2 มีเพียงว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันนับตั้งแต่วันถัดจากครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 25,714 บาทตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาหรือไม่ เห็นว่าข้อความที่เกี่ยวกับการเรียกร้องเอาค่าปรับจากจำเลยที่ 2 เป็นไปตามสัญญาซื้อขายดินลูกรังเอกสารหมาย ป.จ.2 ข้อ 8 ว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญา ข้อ 7 เป็นจำนวนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดหาสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา โดยให้นับวันที่บอกเลิกสัญญาเป็นวันเริ่มต้น ผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย
ข้อ 9 ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน
และวรรคสามระบุว่า ในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสองนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้
ตามพฤติการณ์คดีนี้เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขายไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรก โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรกนั้นเองแต่โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาอีกหลายครั้งและแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดอายุสัญญาจนถึงวันที่โจทก์แจ้งให้ทราบไปชำระแก่โจทก์ด้วย ฝ่ายจำเลยที่ 1 ก็มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ายังเป็นฤดูฝนไม่สามารถส่งดินลูกรังให้ได้หากส่งได้เมื่อใดจะดำเนินการให้ทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1ยังมีเจตนาที่จะขายสินค้าให้โจทก์ต่อไป กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 ยังให้โอกาสจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังได้อีก หากจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในเวลาที่โจทก์กำหนดย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ที่จะไม่ถูกริบเงินประกันสัญญาจำนวน 35,880 บาทเพราะโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 เพียงแต่จำเลยที่ 1 จะถูกปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาดินลูกรังที่ยังไม่ได้ส่งมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าเงินประกันสัญญา แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ยอมส่งมอบดินลูกรังที่โจทก์ทวงถามไป โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสาม ซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งค่าปรับ จำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญา
พิพากษายืน