แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจมีคำสั่งจำหน่ายคดีในกรณีที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งปกติศาลย่อมจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี แต่คดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 มีโอกาสยื่นคำให้การใหม่และเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไป การที่โจทก์ไม่ได้มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การใหม่อีกครั้งหนึ่งอาจเพราะโจทก์เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การใหม่แล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การตามที่โจทก์มีคำขอนั้นจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามสัญญากู้ยืมและค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่สั่งจำหน่ายคดีโจทก์กลับยกคำร้องของจำเลยที่ ๑ ทั้ง ๆ ที่โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ มีเจตนารมณ์ให้เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจมีคำสั่งจำหน่ายคดีในกรณีที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอภายในเวลาที่กฎหมาย กำหนดไว้เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การหรืออีกนัยหนึ่งบทบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างศาลกับ โจทก์ในอันที่ศาลจะพิจารณาว่า โจทก์ยังประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยผู้นั้นหรือไม่เท่านั้นซึ่งปกติศาลย่อมจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโดยอาศัยเหตุจาก การละเว้นของโจทก์ดังกล่าวแต่สำหรับพฤติการณ์ของโจทก์ในคดีนี้มีเหตุผลสมควรที่ศาลชั้นต้นจะไม่สั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากโจทก์ได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ต่อมาศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ ๑ ได้มีโอกาสยื่นคำให้การใหม่และได้มีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไป นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลตามที่ปรากฏในคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๑ ว่า ที่โจทก์ยังมิได้มีคำขอให้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ ก็เพราะโจทก์เข้าใจว่าจำเลยที่ ๑ อาจยื่นคำให้การใหม่ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตในครั้งหลังดังกล่าว จึงได้รอไว้ขอให้ศาลสั่งในวันนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มาทราบว่าจำเลยที่ ๑ มิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด และศาลก็ได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การตามที่โจทก์มีคำขอในวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับดุลพินิจของศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ แทนที่จะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำขอของจำเลยที่ ๑ นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน