คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเวลากระทำผิดในข้อหาบุกรุก หมิ่นประมาท และดูหมิ่นโจทก์ว่า เหตุเกิดเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2521 ถึงปลายเดือนสิงหาคม 2521 วันใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวันนั้นเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำความผิดเป็นรายละเอียดมาด้วยซึ่งพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ข้อ ๑ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๒๑ ถึงปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๒๑ วันใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมหลายวาระต่างกันได้บังอาจบุกรุกเข้าไปในเคหสถานอันเป็นบริเวณที่
ดินก่อสร้างของโจทก์โดยปราศจากเหตุอันควรและได้รบกวนการครอบครองที่ดินบริเวณก่อสร้างของโจทก์โดยปกติสุข และเมื่อจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณดังกล่าว จำเลยได้บังอาจใช้กำลังประทุษร้ายโจทก์ด้วยการผลักไหล่โจทก์จนเซถลา และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายพร้อมทั้งดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าโดยพูดว่า “อีบ่วย ระวังให้ดี ปากมึงไม่ดี กูจะหาเรื่องเตะปากมึง กูเตะคนมาเยอะแล้ว ตีนกูไวนะ” สามีโจทก์ซึ่งยื่นอยู่ใกล้ ๆ โจทก์และจำเลยได้เข้ามาห้ามปรามโดยจับมือจำเลยไว้ โจทก์และสามีได้พยายามขอร้องให้จำเลยออกไปจากบริเวณที่ดินนี้แต่โดยดี ในขั้นต้นจำเลยปฏิเสธที่จะออกไปจากบริเวณดังกล่าว ต่อมาจำเลยจึงออกไป ข้อ ๒ ภายหลังจากที่จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องข้อ ๑ โจทก์ได้เดินผ่านบริเวณหน้าบ้านของจำเลยโดยมีนายเบี้ยวเดินตามมาส่งโจทก์ จำเลยได้ดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโจทก์โดยใส่ความโจทก์ต่อหน้านายเบี้ยวและบุคคลอื่นว่า “มันโกงค่านายหน้ากู อีบ่วย กูจะด่ามึงแล้ว อีหีแดง อีหีฉีก” ทั้งที่จำเลยมีเจตนาที่จะทำให้บุคคลภายนอกเชื่อว่าโจทก์โกงค่านายหน้าของจำเลยจริง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ข้อ ๓ เหตุเกิดที่ซอยอินทามระ ๕๑ ถนนสุทธิสาร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๕, ๓๒๖, ๓๙๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ครั้นถึงวันนัดเห็นว่าตามที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นการกระทำต่อหน้าโจทก์ทุกกรรม และย่อมเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่กระทำลงไป โจทก์น่าจะรู้วันเวลาในการกระทำผิดของจำเลยแต่ละกรรมได้ชัดเจนไม่มีเหตุจำเป็นอย่างใดที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องเกี่ยวกับวันเวลาเกิดเหตุหลายวันจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมเอาเปรียบจำเลย ทำให้จำเลยไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดีไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ศาลทำการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดว่า เป็นเคหสถานอันเป็นบริเวณที่ดินก่อสร้างของโจทก์ และที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยโดยฟ้องระบุว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ ๔ หมู่ที่ ๒ ซอยอินทามระ ๕๑ ถนนสุทธิสาร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และว่าเหตุทั้งหมดเกิดที่ซอยอินทามระ ๕๑ ถนนสุทธิสาร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ทั้งกล่าวถึงบุคคลที่รู้เห็นเกี่ยวข้องคือ สามีโจทก์ นายเบี้ยว และบุคคลอื่น ฉะนั้นการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๒๑ ถึงปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๒๑ วันใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวัน เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำความผิด เป็นรายละเอียดมาด้วยซึ่งพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้อง และมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share