แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมีมะพร้าว 4-5 ต้น นอกนั้นเป็นป่า ถือว่ายังไม่มีสภาพเป็นที่สวน
เอาเงินเขามาแล้วทำหนังสือมอบที่ดินมือเปล่าให้เขาปกครองเป็นเจ้าของ ถือว่าได้สละเจตนาครอบครองแล้ว การครอบครองของเจ้าของเดิมย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 วรรคต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทหมาย ก.ข. เป็นของบิดาโจทก์ บิดาโจทก์กู้เงินจำเลย ๓๐ บาท มอบที่หมาย ก. ให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตาย จำเลยได้เข้าปกครองที่หมาย ข. ไว้แทนโจทก์และพี่น้องโจทก์ บัดนี้โจทก์ขอไถ่และคืนที่ จำเลยไม่ยอม จึงต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ที่หมาย ก.ข. เป็นที่แปลงเดียวกัน บิดาโจทก์เอาเงินจำเลยไป ๖๐ บาท มอบที่ดินรายนี้ให้จำเลย ๆ ปกครองมาหลายปีได้สิทธิแล้ว เพราะที่ดินมีมะพร้าว ๔-๕ ต้น นอกนั้นเป็นป่า ยังไม่มีสภาพเป็นที่สวน
ศาลชั้นต้นฟังว่า บิดาโจทก์สละการครอบครองให้จำเลยแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนที่แกโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทมีมะพร้าว ๔-๕ ต้น นอกนั้นเป็นป่า จึงยังไม่มีสภาพเป็นสวน บิดาโจทก์คงมีสิทธิครอบครอง ไม่ใช่มีกรรมสิทธิ เมื่อสละการครอบครองให้จำเลยแล้ว การครอบครองของบิดาโจทก์ก็ย่อมสิ้นสุดลง แม้หนังสือมอบกรรมสิทธิ์ (ความจริงเป็นแต่สิทธิครอบครอง) จะมิ-ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตกเป็นโมฆะก็ดี จำเลยก็ได้เข้าครอบครองที่พิพาทเด็ดขาดมาหลายปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอไถ่ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น