แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้า เมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้านผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยังติดตามเข้าไปในบ้านอีก โดยไม่มีความประสงค์จะทำร้ายบุตรจำเลย แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตาม ป.อ. มาตรา 72.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,33 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุกจำเลยตลอดชีวิตและให้ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2529เวลาประมาณ 22.30 นาฬิกา มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นหลายคนจุดประทัดดังขึ้นหลายนัดบริเวณต้นมะขามเทศ ถนนสวรรค์วิถี ตำบลปากน้ำโพอำเภอเมืองนครสวรรค์ ใกล้บ้าน ซึ่งจ่าสิบตำรวจสมพงษ์ ยิ้มยาผู้ตายกับนางจันทนา นาคใย ภรรยาผู้ตายมาพักและกำลังกินสุราอาหารอยู่กับพวก ผู้ตายได้เดินออกไปห้ามปรามโดยถืออาวุธปืนพกสั้นมีตราโล่ห์ของทางราชการติดตัวไปด้วย ผู้ตายได้ใช้มือขวาซึ่งถืออาวุธปืนตบหน้านายธงชัย สุขสมศรี บุตรชายจำเลยซึ่งอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจนบาดเจ็บ มีโลหิตไหลที่ใบหน้าและล้มลง สักครู่นายธงชัยได้ลุกขึ้นวิ่งหนีไปฟ้องจำเลยซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ชั้นบนของบ้านพักห่างจากกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวประมาณ 15 เมตร โดยมีผู้ตายถืออาวุธปืนตามนายธงชัยเข้าไปในบ้านจำเลยซึ่งมีภรรยาจำเลยอยู่ด้วย จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงถูกผู้ตายบริเวณหน้าอกซ้าย 2 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายทันทีตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง มีผู้แจ้งร้อยตำรวจเอกชัยยันต์ เบญจาธิกุล ที่สถานีตำรวจภูธรตำบลปากน้ำโพ เวลาประมาณ 23 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกชัยยันต์ ร้อยตำรวจตรีหิรัญ วรทอง กับพวก ไปที่เกิดเหตุพบศพผู้ตายนอนหงายอยู่ชั้นบนใกล้ทางลงบันได บนฝ่ามือขวาผู้ตายมีอาวุธปืนประจำตัวผู้ตายวางอยู่ ร้อยตำรวจเอกชัยยันต์ได้ทำการจับกุมจำเลยและยึดอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนซึ่งใช้ยิงผู้ตายเป็นของกลาง…เชื่อว่าสาเหตุที่ผู้ตายตามนายธงชัยมาที่บ้านจำเลยก็เพราะผู้ตายเห็นนายธงชัยอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่จุดประทัดและเกิดโต้เถียงกัน ผู้ตายจึงตบหน้า ครั้นนายธงชัยวิ่งหนีผู้ตายติดตามไปแต่ก็คงไม่มีความประสงค์ที่จะทำร้ายนายธงชัยยิ่งกว่านั้นเพราะถ้าผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนติดตัวตั้งใจจะยิงนายธงชัยก็คงกระทำได้ขณะติดตามนายธงชัยไป เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำเบิกความของนายประสาทและนางสาวอันที่ว่าก่อนเสียงปืนดังได้ยินเสียงผู้ตายพูดโต้ตอบกับจำเลย ตามพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเมื่อจำเลยเห็นนายธงชัยบุตรชายถูกผู้ตายทำร้ายเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้าวิ่งหนี้ขึ้นบนบ้าน แล้วผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยังติดตามเข้ามาในบ้านในระยะกระชั้นชิดอีก จึงเกิดโต้เถียงกันและจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น การกระทำของจำเลยแม้จะไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา72…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์