คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณคำพิพากษา ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๐ จำเลยได้สมคบกันใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายนายชื่น นายปุยโดยเจตนาจะฆ่านายชื่น นายปุยให้ตาย นายชื่นถูกจำเลยกระทำร้ายถึงแก่ความตายในทันใดนั้นเอง เหตุเกิดที่ตำบลคลองขนอน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี โจทย์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙-๒๕๐-๒๕๔ ฯ
นายกลึงจำเลยให้การปฏิเสธ นายจูรับว่าได้ฟันนายชื่นจริงแต่แก้ว่าได้ทำโดยป้องกัน ฯ
ศาลจังหวัดราชบุรีพร้อมด้วยอธิบดีมณฑลพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยทั้ง ๒ คนได้กระทำผิดฐานฆ่านายชื่นตายโดยไม่เจตนา ต้องด้วยกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๑ ให้ลงโทษจำคุกคนละ ๑๐ ปี นายจูจำเลยมีผิดฐานทำร้ายร่างกายนายปุยให้ลงโทษจำคุกอีก ๑ ปี แลนายกลึงจำเลยมีผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายนายปุยให้ลงโทษจำคุกอีก ๘ เดือน รวมโทษจำคุกนายจู ๑๑ ปี นายกลึง ๑๐ ปี ๘ เดือน ฯ
นายกลึงจำเลยผู้เดียวอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลเดิม ฯ
นายกลึงจำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลประชุมปฤกษาคดีนี้ ซึ่งยังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเฉพาะคดีส่วนตัวนายกลึงจำเลยว่า นายกลึงได้เปนผู้ร่วมมือฆ่านายชื่นแลพยายามทำร้ายร่างกายนายปุยดังคำชี้ขาดของศาลล่างฤาไม่ กรรมการศาลฎีกาเห็นว่าพยานโจทย์หลายปากได้เบิกความประกอบคำนายปุยผู้ถูกบาดเจ็บ แลผู้ไปด้วยกับนายชื่น คดีฟังได้สมเหตุสมผลว่านายกลึงจำเลยได้กระทำผิดตามศาลล่างได้พิพากษามาแล้วนั้น เพราะเมื่อนายกลึงทำร้ายนายชื่นแล้วนายกลึงยังได้ถืออาวุธไล่นายปุยไปจนถึงบนเรือนผู้มีชื่อ มีพยานรู้เห็นทั่วไป ฎีกานายกลึงจำเลยยังจะฝืนเถียงข้อเท็จจริงอยู่อีกนั้น เปนอันไม่มีสาระที่ควรฟัง คำชี้ขาดของศาลล่างชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว จึงพร้อมกันพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ แลยกฎีกาของจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share