แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๐ เวลากลางคืน จำเลยได้ช่วยกันตี และเอาถ่อแทงนายเปลี่ยนถึงแก่ความตาย  ที่ตำบลบางลูกเสือ  จังหวัดนครนายก ฯ
นายแคลนจำเลยให้การปฏิเสธข้อหา  และต่อสู้ว่านายฟุ้งกับนายถึงได้ลงเรือลำ ๑ นายแคลนกับพวกลงเรือลำ ๑ พากันไปตามกระบือ พอถึงลำน้ำหักบางแชแม่นายฟุ้งก็ไปตีเอานายเปลี่ยนนายแคลนหาได้เกี่ยวข้องในการทำร้ายรายนี้ด้วยไม่ ฯ
นายเพงจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ ฯ
ศาลจังหวัดนครนายกพิจารณาแล้วพิพากษาคดีพร้อมด้วยความเห็นของอธิบดีศาลมณฑล ว่านายแคลน นายเพงได้ฆ่านายเปลี่ยนตายโดยเจตนา มีความผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙ ให้ลงโทษจำคุกนายแคลน นายเพงจำเลยไว้จนตลอดชีวิต ฯ
นายแคลน นายเพงจำเลยอุทธรณ์คดีต่อมา  แต่นายเพงจำเลยตายระหว่างอุทธรณ์  คดีส่วนตัวนายเพงจำเลยเปนอันระงับไป ฯ
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิจารณาคดีแล้วพิพากษาลงโทษนายแคลนจำเลยยืนตามศาลเดิม ฯ
นายแคลนจำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระราชทานตรวจสำนวนเรื่องนี้  คดีได้ความว่าเมื่อคืนวันเกิดเหตุนายแคลน นายเพงจำเลยกับนายฟุ้งไปเรือด้วยกันลำ ๑ ไปพบนายเปลี่ยนพายเรือสวนทางมาที่ตำบลแชแม่  ผู้ที่มาในเรือนายแคลนได้ทำร้ายนายเปลี่ยนตายจมน้ำอยู่ปรากฎตามคำชันศูจน์พลิกศพว่านายเปลี่ยนถูกทำร้ายมีบาดแผล ๑๑ แห่ง แผลที่ ๑ ถูกตีกระโหลกสีสะแตกทลุในทำให้นายเปลี่ยนตายพนักงานอัยการจึงฟ้องนายแคลน นายเพงคดีนี้  แต่นางเพิ่มมารดานายเปลี่ยนผู้ตายฟ้องนางฟุ้ง  หาว่านายฟุ้งฆ่านายเปลี่ยนตายโดยเจตนาอิกสำนวน ๑ นายฟุ้งให้การปฏิเสธข้อหานางเพิ่ม  และซัดว่านายแคลนเปนผู้ฆ่านายเปลี่ยน  ศาลล่างได้พิจารณารวมกันเห็นว่าพยานนางเพิ่มโจทย์ไม่พอลงโทษนายฟุ้งได้  พิพากษาให้ยกฟ้องของนางเพิ่มเสีย  คดีถึงที่สุดเพียงชั้นศาลล่าง  ตามสำนวนอัยการโจทย์นี้ได้ความตามคำนายฟุ้งพยานโจทย์ว่า  นายแคลนเปนผู้ตีนายเปลี่ยนตาย  โดยเกลียดว่านายเปลี่ยนลักเล็กลักน้อยไม่เลือกว่าอะไร  เมื่อขณะที่นายแคลนกำลังตีนายเปลี่ยน ๆ ได้ร้องขออย่าให้นายแคลน นายเพงทำร้าย และขอให้นายฟุ้งช่วย  ฝ่ายนายฟุ้งก็ได้ร้องห้ามไป  แต่นายแคลนหาฟังไม่ ฯ
นายนุ่มพยานโจทย์เบิกความว่า  เมื่อได้ยินเสียงคนตีกันนั้นพยานพายเรือเข้าไปดู  ได้ยินเสียงคนร้องพยานจำได้ว่าเปนเสียงนายเปลี่ยน  และพยานได้ยินนายฟุ้งพูดร้องห้ามตามถ้อยคำที่นายฟุ้งเบิกความเปนพยาน  และว่าเมื่อพยานเข้าไปถึงก็พอเขาเลิกตีกันแล้ว  พยานได้เห็นแต่คนอยู่ในเรือ ๓ คน  คือ นายฟุ้ง นายเปลี่ยน กับนายแคลน  แล้วคนทั้ง ๓ ก็แยกย้ายกันไป โจทย์ยังมีพยานที่ได้ยินนายแคลนพูดว่า  จะต้องตีนายเปลี่ยนสั่งสอน  เพราะมันลักเป็ดลอบและปลา ฯ
ได้ความตามคำพยานโจทย์ดังนี้  ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่านายแคลนจำเลยนี้มีพิรุธอยู่ในตัว  ที่ให้การในชั้นไต่สวน  และชั้นศาลไม่ตรงกัน  ฝ่ายนายฟุ้งให้การยืนคำมั่นคง  และโจทย์มีพยานเบิกความเจือคำนายฟุ้งอีก คดีจึงฟังเปนจริงได้ว่า  ผู้ที่มาในเรือนายแคลน และทำร้ายนายเปลี่ยนนั้น คือ อ้ายแคลนจำเลยนี้เอง  และได้ทำให้ตายโดยเจตนาด้วย  ซึ่งศาลล่างให้ลงโทษจำคุกอ้ายแคลนตอลดชีวิตตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙ นั้น  อ้ายแคลนไม่มีทางจะรอดพ้นพระราชอาญาตามกฎหมายได้  ขอพระราชทานพิพากษายืนตามคำตัดสินศาลล่าง  ให้ยกฎีกาอ้ายแคลนจำเลยเสีย ฯ
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ  ถวายสำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดนครนายก ความเห็นอธิบดีศาลมณฑล  คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ และฎีกาจำเลย  ทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท
การจะควรประการใดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า

