แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าวัดเดือนปีใดไม่ปรากฎ  จำเลยสมคบกันตั้งสมาคมเข้าอั้งยี่มีนามว่าฮั้วงี่  ที่ตำบลร่อนพิบูลย์  ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๗๗ – ๑๗๙ ฯ
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดดังข้อหา ฯ
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิจารณาคดีแล้ว  ฟังคำพยานโจทย์ว่านายยองคุ้น  นายจูเตียน  นายเนียวกัง  นายเปรมสมคบกันเข้าอั้งยี่โดยนายยองคุ้น  นายจูเตียนเปนหัวน่าอั้งยี่  นายเนียวกังเปนพนักงานในสมาคมอั้งยี่  นายเปรมเปนพวกอั้งยี่  แต่จำเลยอีก ๓๐ คนนั้นหลักฐานยังไม่พอว่าเปนพวกอั้งยี่  จึงพิพากษาวางบทกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๗๗ ให้จำคุกนายยองคุ้น  นายจูเตียนมีกำหนดคนละ  ๓ ปีแลปรับคนละ ๑๐๐๐ บาท  ให้จำคุกนายเนียวกังมีกำหนด ๓ ปี  ให้จำคุกนายเปรมมีกำหนด ๒ ปี  จำเลยนอกนี้ไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป ๆ
จำเลยที่ต้องโทษอุทธรณ  ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่าในฟ้องโจทย์ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อใด  ทั้งพยานโจทย์ก็เปนพวกที่ถูกจับในเรื่องเดียวกับจำเลย  แต่โจทย์ปล่อตัวไปให้มาเปนพยานในคดีเรื่องนี้  ตามคำพยานไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ประชุมกันเพื่อกระทำผิดกฎหมายอย่างใด  ยังไม่ควรฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา  จึงพิพากษาเดิมให้ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาว่าควรฟังคำพยานโจทย์ว่าจำเลยสมคบกันเปนอั้งยี่ ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้  ได้ความว่าจำเลยเหล่านี้เปนคนทำเหมืองแร่บ้าง  แลตั้งการค้าขายบ้าง  ในตำบลร่อนพิบูลย์  เจ้าพนักงานสืบสวนได้ความว่า  พวกจำเลยได้ประชุมกันที่เหมืองแร่แห่งหนึ่งในตำบลร่อนพิบูลย์  เจ้าพนักงานจึงได้จับตัวพวกที่ไปประชุม  คนใดให้การรับว่าได้ไปประชุมเข้าอั้งยี่  เจ้าพนักงานก็ปล่อยคนนั้นไป  แลอ้างคนนั้น ๆ มาเปนพยานในคดีเรื่องนี้  ตามคำพยานของโจทย์ที่สืบมาแล้วได้ความว่าพยานกับพวกจำเลยได้ประชุมแลสาบาลกันเข้าอั้งยี่  แต่พยานมิได้อธิบายว่าคำสาบาลนั้นมีเนื้อความว่าอย่างไร  พยานบางคนว่าได้เข้าอั้งยี่กันโดยมีความประสงค์ว่าเมื่อมีธุระอะไรจะได้ช่วยซึ่งกันแลกัน  พยานบางคนก็อธิบายไม่ได้ว่าการเข้าอั้งยี่มีความประสงค์อย่างไร  เห็นเขาประชุมกันเข้าอั้งยี่ก็ไปเข้าอั้งยี่กับเข้าด้วย  นอกจากนี้โจทย์นำหลักฐานมาเปนพยาน  คือ  หนังสือพิมพ์ตัวอักษรจีน  ในหนังสือนี้แปลได้ความว่าเปนหนังสือประกาศในมณฑลฮกเกี๊ยนให้สมาชิกสาบาลตัวให้มีความซื่อตรงซึ่งกันแลกัน  ให้อยู่ในความปกครองของบ้านเมืองจึงจะเปนศุข  ถ้าผู้ใดไม่ซื่อตรงให้ยันดานเกิดเหตุร้ายต่าง ๆ กับหนังสืออีกฉบัพหนึ่งแปลได้ความว่าเปนหนังสือสำหรับตัวคนชื่อกังในมณฑลฮกเกี๊ยนซึ่งไม่ได้เกี่ยวเปนจำเลยในคดีนี้แลคนชื่อดังนี้จะมีตัวฤาไม่ก็ไม่ปรากฎว่าให้สมาชิกปฏิญาณตัวคิดจะเอาบ้านเมืองคืน  แลกำจัดชาวแมนจู  ถ้าสมาชิกไปอาศรัยอยู่ประเทศใดให้นับถือกฎหมายของประเทศนั้น  แลมีบาลชีอีกเล่มหนึ่งเปนบาญชีรับเงินแลสิ่งของ ๆ ยี่ห้ออั้วงี่  ได้ความตามคำพยานหลักฐานของโจทย์ดังกล่าวมาแล้ว  ศาลฎีกาเห็นว่าโจทย์สืบไม่สมว่าจำเลยได้ประชุมกันเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างไร  กลับได้ความตามในหนังสือ ๒ ฉบัพที่ออกในมณฑลฮกเกี้ยนว่า  ถ้าสมาชิกจะอยู่ประเทศใดให้ถือกฎหมายของประเทศนั้น  ฤาให้อยู่ในความปกครองของบ้านเมืองจึงจะเปนศุขดังนี้  ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานสมคบกันเปนอั้งยี่ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๗๗ ได้  ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไปนั้นชอบแล้ว  ให้ยกฎีกาของโจทย์เสีย ฯ
วันที่ ๕ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

