แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยตกกล้าในหลังบ้านและได้ขึงลวด 2 เส้นรอบที่ตกกล้าสูงจากพื้นดินประมาณ 3 นิ้ว แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด 220 โวลท์จากบ้านเข้าไปในเส้นลวดดังกล่าวเพื่อป้องกันมิให้หนูไปกินข้าวกล้าโดยรู้อยู่ว่าสายลวด ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้นั้น หากสัตว์ไปถูกเข้าจะถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยยังปักป้ายห้ามเข้าในเขตที่ตกกล้าด้วยแสดงว่าจำเลยย่อมรู้ว่าสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นอัตรายต่อคนที่เข้าไปในเขตที่ตกกล้าเช่นเดียวกัน การที่จำเลยขึงลวดกระแสไฟฟ้าเช่นนี้ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าอาจมีคนหากบหาปลาตามทุ่งนาเดินมาถูกลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวและได้รับอันตรายแก่ร่างกาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้อื่นแล้ว เมื่อผู้ตายผ่านไปถูกสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตายอันเป็นผลจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้สายลวดเส้นคู่ขึงรอบที่ตกกล้าในนาของจำเลยสูงจากพื้นดินประมาณ ๓ นิ้ว แล้วต่อกระแสไฟฟ้าจากบ้านจำเลยปล่อยไฟฟ้าแรงสูงขนาด ๒๒๐ โวลท์ ผ่านไปในเส้นลวดดังกล่าวเพื่อประสงค์จะทำร้ายบุคคลอื่นหรือสัตว์ที่ผ่านเข้าไปในนาที่ตกกล้าไว้ วันเกิดเหตุนายสมชายออกหาปลาผ่านเข้าไปในนาที่จำเลยขึงสายลวดต่อกระแสไฟฟ้าไว้ดังกล่าว จึงถูกกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาทำร้ายผู้อื่นหรือผู้ตาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ จำคุก ๓ ปี
จำเลยฎีกา
ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยตกกล้าในนาหลังบ้านจำเลยเมื่อประมาณ ๗ วันก่อนเกิดเหตุ จำเลยได้ขึงลวดสองเส้นรอบที่ตกกล้า สูงจากพื้นดินประมาณ ๓ นิ้ว แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด ๒๒๐ โวลท์ จากบ้านเข้าไปในเส้นลวดสองเส้นที่ขึงไว้ เพื่อป้องกันมิให้หนูไปกินข้าวกล้า ครั้นวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๘ เวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกา นายสมชายผู้ตายออกจากบ้านไปหากบหาปลาตามทุ่งนาแล้วไปเหยียบสายลวดที่จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตรงที่เกิดเหตุนั้นเอง รุ่งขึ้นจำเลยไปพบศพผู้ตายนอนอยู่ที่นาที่ตกกล้าจึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน จำเลยรู้ดีว่าสายลวดที่จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้นั้นหากสัตว์ไปถูกเข้าจะถึงแก่ความตายได้ ที่เกิดเหตุไม่ใช่ทางคนเดิน และจำเลยได้ปักป้ายห้ามเข้าไปในที่นาที่ตกกล้านั้นด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยก็ยอมรับอยู่ว่าสายลวดที่จำเลยขึงรอบที่นาที่ตกกล้าและปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้นั้น หากสัตว์ไปถูกเข้าจะถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยยังปักป้ายห้ามเข้าในเขตที่ตกกล้าด้วยแสดงว่าจำเลยย่อมรู้ว่าสายลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวเป็นอันตรายต่อคนที่เข้าไปในเขตที่ตกกล้าเช่นเดียวกัน การที่จำเลยขึงลวดมีกระแสไฟฟ้าดังกล่าวแล้วย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าอาจมีคนหากบหาปลาตามทุ่งนาเดินมาถูกลวดที่มีกระแสไฟฟ้าดังกล่าว และได้รับอันตรายแก่ร่างกาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้อื่นแล้ว เมื่อผู้ตายผ่านไปถูกสายลวดมีกระแสไฟฟ้าถึงแก่ความตาย อันเป็นผลจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๐ หาใช่เรื่องที่จำเลยไม่มีเจตนาทำร้ายดังที่จำเลยฎีกามาไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม และคดีนี้ปรากฏว่าจำเลยมีอายุถึง ๗๐ ปีแล้ว ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนเมื่อพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดแล้วสมควรรอการลงโทษแก่จำเลย
พิพากษาแก้ว่า ให้ลดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย ๒ ปี และให้รอการลงโทษจำเลยไว้ตามมาตรา ๕๖ มีกำหนด ๒ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์