แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ด้านหลังของที่ดินพิพาทอยู่ติดกับแนวเขา มีลักษณะเจาะปรับพื้นที่ดินให้เสมอเข้าไปในไหล่เขายาว 10 วาเศษ ที่ดินพิพาทด้านหน้าก็มีสภาพค่อย ๆ ลาดต่ำลงไป ที่ดินพิพาทจึงมีลักษณะเป็นที่เขา
กฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 หมวด 3 ข้อ 8 ห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดินสำหรับที่เขา เมื่อที่ดินพิพาทเป็นที่เขา โฉนดที่ดินของโจทก์จึงออกทับที่เขาเป็นการไม่ชอบ
แม้คณะกรรมการสอบสวนที่อธิบดีกรมที่ดินตั้งขึ้นจะได้ชี้ขาดว่าการออกโฉนดเป็นไปโดยชอบด้วยระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายแล้วก็ตามก็อาจเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงมาผิดพลาด และไม่ผูกพันให้ศาลต้องฟังว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่เขาด้วย
ที่ดินพิพาทเป็นที่เขาเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ใช่เป็นของโจทก์ โจทก์ย่อมขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดรวม ๑๐ แปลงจำเลยทั้งสามบุกรุกเข้ายึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามและให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การว่าที่ดินที่จำเลยทั้งสามครอบครองไม่ใช่ที่ดินของโจทก์แต่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นที่ดินในเขตรัศมีเขา จำเลยทั้งสามครอบครองที่ดินนั้นตลอดมาไม่เคยมีใครโต้แย้งโฉนดที่ดินของโจทก์ออกทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยทั้งสามและให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ติดกับเขาเรดาร์หรือเขาโกรกพม่า และในวันที่ศาลไปเดินเผชิญสืบที่ดินพิพาทนั้น ฝ่ายจำเลยได้นำชี้ให้คูรั้วหลังบ้านซึ่งอยู่ติดกับทิวเขาเรดาร์หรือเขาโกรกพม่าปรากฏว่าศาลได้พิจารณาดูสภาพแล้ว เห็นว่าด้านหลังที่ดินพิพาทที่ติดกับแนวเขานั้น นับแต่ที่ตั้งตัวบ้านมีลักษณะเจาะปรับพื้นที่ดินให้เสมอเข้าไปในไหล่เขายาว ๑๐ วาเศษ ที่ดินหน้าบ้านก็มีสภาพค่อย ๆ ลาดต่ำลงไปตามภาพถ่ายที่จำเลยส่งศาล สภาพของที่ดินพิพาทก็มีลักษณะเช่นนั้น ที่ดินพิพาทจึงมีลักษณะเป็นที่เขา ซึ่งตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ หมวด ๓ ข้อ ๘ ห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินดังกล่าวนี้ โฉนดที่ดินของโจทก์จึงออกทับที่เขาเป็นการไม่ชอบที่โจทก์นำสืบว่านายประสิทธิ์ เพียรทอง กับพวกเคยร้องเรียนว่าโจทก์ออกโฉนดเลขที่ ๑๒๒๔๖ ทับที่ภูเขาอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ชี้ขาดว่าการออกโฉนดเป็นไปโดยชอบด้วยระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายตามเอกสารหมาย จ.๑๑ นั้น อาจเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงมาผิดพลาดและไม่ผูกพันให้ศาลต้องฟังว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่เขาด้วย ที่ดินพิพาทจึงเป็นที่เขาและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ออกโฉนดทับที่ดินพิพาท จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นคดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน เมื่อฟังว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์และเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ย่อมขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น