แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยในมูลละเมิดที่จำเลยปักเสาไฟฟ้าพาดผ่านที่ดินของโจทก์ทั้งสองเป็นเส้นทแยงมุมโดยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสอง เป็นเหตุให้ที่ดินได้รับความเสียหายและเสื่อมประโยชน์ใช้สอยตลอดไป แล้วจำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนแก่โจทก์ทั้งสองไม่ตรงและต่ำกว่าความเสียหายจริงที่โจทก์ทั้งสองได้รับ กับมีคำขอให้บังคับจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ยหรือใช้ค่าทดแทนความเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยมิได้กระทำละเมิดกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสอง คดีจึงมีประเด็นโต้เถียงกันว่าจำเลยกระทำละเมิดโจทก์ทั้งสองและต้องใช้ค่าทดแทนความเสียหายหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและชำระราคาตามฟ้องได้หรือไม่ ได้รวมถึงประเด็นที่ว่าจำเลยกระทำละเมิดกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองหรือไม่ไว้ด้วยแล้ว เพราะการจะวินิจฉัยตามข้ออ้างในคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองจำต้องวินิจฉัยก่อนว่า จำเลยกำหนดแนวเขตเดินสายไฟโดยสุจริตหรือไม่ หากปรากฏว่าจำเลยกำหนดแนวเขตเดินสายไฟโดยไม่สุจริต หรือจงใจกลั่นแกล้งเพื่อให้ที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย เสื่อมราคาไม่สามารถใช้สอยได้สมประโยชน์ดังเดิม อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ก็จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับซื้อที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสอง หรือเรียกให้ใช้ค่าทดแทนเพิ่มสำหรับที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดได้หรือไม่เพียงใด ดังนั้น ที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำละเมิดกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองแต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองโดยเห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทตามฟ้อง จึงไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2474 และ 2467 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จากโจทก์ทั้งสองและชำระราคาที่ดินเป็นเงิน 377,607,467.61 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงเจตนาแทนจำเลย หากไม่สามารถบังคับกรณีดังกล่าวได้ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 220,786,039.67 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้รับซื้อที่ดินทั้งสองแปลงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่ม และไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่าจำเลยตั้งเสาและเดินสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสองเป็นแนวเส้นทแยงมุมจากด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ 2474 ไปจดด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 2467 โดยจำเลยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองให้ได้รับความเสียหายมากกว่าที่ควร เป็นเหตุให้ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายทั้งหมด เสียรูปทรง เสื่อมราคาและเสื่อมประโยชน์ใช้สอยตลอดไป แล้วจำเลยจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสองไม่ตรงและต่ำกว่าความเสียหายจริงที่โจทก์ทั้งสองได้รับ จึงขอให้บังคับจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสองและใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ยหรือมิฉะนั้นให้ใช้ค่าทดแทนความเสียหายสำหรับที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยดำเนินการก่อสร้างระบบไฟฟ้าในคดีนี้โดยอาศัยอำนาจความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชน จำเลยเพียงใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อตั้งเสาไฟฟ้าและเดินสายส่งไฟฟ้าผ่านที่ดินโดยไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินของโจทก์ทั้งสองเป็นที่นายังคงใช้ทำประโยชน์ได้ตามปกติ จำเลยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในการกำหนดเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินแก่เจ้าของที่ดินทุกราย อันเป็นการให้การต่อสู้ว่าจำเลยมิได้กระทำละเมิดกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสอง และได้จ่ายเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินทั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ทั้งสองอย่างเป็นธรรมแล้ว คดีจึงมีประเด็นโต้เถียงกันว่าจำเลยกระทำละเมิดกลั่นแกล้งเดินสายไฟฟ้าแรงสูงผ่านกลางแปลงที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์เป็นแนวทแยงมุม เป็นเหตุให้ที่ดินทั้ง 161 ไร่ 52 ตารางวา ของโจทก์ทั้งสองต้องเสียหายและเสื่อมราคาหรือไม่ และจำเลยต้องใช้ค่าทดแทนความเสียหายสำหรับที่ดินทั้งสองแปลงหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและชำระราคาตามฟ้องได้หรือไม่ โจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกค่าทดแทนที่ดินเพิ่มหรือไม่ เพียงใด และโจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ประเด็นข้อแรกได้รวมถึงประเด็นที่ว่าจำเลยกระทำละเมิดกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองด้วยการกำหนดแนวเขตเดินสายไฟฟ้าเป็นแนวเส้นทแยงมุมพาดผ่านที่ดินของโจทก์ทั้งสอง เป็นเหตุให้ที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายทั้งหมดหรือไม่ไว้ด้วยแล้ว เพราะการจะวินิจฉัยว่ามีเหตุเรียกให้จำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ทั้งสองได้หรือไม่ จำต้องวินิจฉัยตามข้ออ้างในฟ้องของโจทก์ทั้งสองก่อนว่าจำเลยกำหนดแนวเขตเดินสายไฟฟ้าโดยสุจริตหรือไม่ หากปรากฏว่าจำเลยกำหนดแนวเขตเดินสายไฟฟ้าโดยไม่สุจริต หรือจงใจกลั่นแกล้งเพื่อให้ที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย เสื่อมราคาไม่สามารถใช้สอยได้สมประโยชน์ดังเดิม อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ก็จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับซื้อที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์ หรือเรียกให้ใช้ค่าทดแทนเพิ่มสำหรับที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดได้หรือไม่ เพียงใด ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองโดยเห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทตามฟ้อง จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยและเห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาก่อน…”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยกฟ้องโจทก์