แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแจกจ่ายแผ่นปลิวโฆษณามีข้อความว่า “เรียน ฯพณฯ รัฐมนตรี ผู้สื่อข่าว และท่านที่ใจเป็นธรรมทุกท่านทราบ เนื่องจาก อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม มีพื้นที่ต่ำบางส่วนเป็นทางรองรับน้ำ… ระบายออกทางแม่น้ำมูล… ต่อมาความเจริญเริ่มเข้ามา ที่ดินเริ่มมีราคาแพง ทำให้ผู้ที่มีที่ดินติดกับทางระบายน้ำโบราณบุกรุกโดยถมดินและก่อสร้าง… เป็นสาเหตุทำให้น้ำระบายได้ช้า เกิดน้ำท่วม… เรื่องนี้ทางราชการทราบดีแต่ไม่กล้าแก้ไข คงกลัวอิทธิพล… ส่วนอีกราย เป็น ส.ส. เจ้าของโรงสีใหญ่ อยากได้ที่ดินมาก ล้อมรั้วคอนกรีตฮุบหนองน้ำสาธารณะผนวกเข้ากับที่ตัวเองอย่างหน้าด้านที่สุด แปลกจริงหนอเศรษฐีอยากได้ที่ดินใช้วิธีที่น่าละอายที่สุด เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทางด้านใช้อำนาจบุกรุกที่สาธารณะ…” ให้แก่ผู้ที่อยู่ในงาน เป็นการใส่ความว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม ใช้อิทธิพลฮุบเอาสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปเป็นของตนโดยมิชอบอย่างไม่มีความละอายแก่ใจ ที่วิญญูชนอ่านแล้วย่อมรู้สึกดูหมิ่นและเกลียดชังผู้เสียหายได้ในทันที อันเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายอย่างชัดเจน แม้หากจำเลยไปพบเห็นข้อความในแผ่นปลิวโฆษณา ไม่ว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นความจริงดังจำเลยอ้างหรือไม่ แต่ก็มีวิธีการที่จำเลยจะดำเนินการหรือร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบได้อีกหลากหลายวิธีโดยไม่มีเหตุที่ต้องไปละเมิดต่อสิทธิของบุคคลใด จึงไม่มีความจำเป็นใดเลยที่จำเลยจะต้องแจกจ่ายเผยแพร่แผ่นปลิวโฆษณาข้อความหมิ่นประมาทผู้เสียหายในสภาพการซึ่งผู้เสียหายนั่งอยู่ในงานที่มีทั้งนักการเมืองระดับสูงและข้าราชการผู้ใหญ่และประชาชนจำนวนมาก การกระทำของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าโดยมีเจตนาที่ต้องการประจานผู้เสียหายให้ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างมาก ทั้งต่อ ส., ช. ข้าราชการผู้ใหญ่ และประชาชนในพื้นที่ซึ่งไปร่วมงานจำนวนมากนั่นเอง จึงเป็นการใส่ความผู้เสียหายในประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแล้ว หาใช่มีเจตนาเพียงต้องการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หรือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ อันจะทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม เขตอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย และมีกิจการโรงสีแหลมทองพยัคฆ์ ส่วนจำเลยเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ขณะผู้เสียหายอยู่ในงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ซึ่งจัดขึ้นที่ที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย โดยมีนายสมศักดิ์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกับมีผู้ว่าราชการจังหวัดหาสารคาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอื่น และประชาชนจำนวนมากอยู่ในงาน จำเลยแจกจ่ายแผ่นปลิวโฆษณามีข้อความว่า “เรียน ฯพณฯ รัฐมนตรี ผู้สื่อข่าว และท่านที่ใจเป็นธรรมทุกท่านทราบ เนื่องจาก อ. พยัคฆภูมิพิสัย จ. มหาสารคาม มีพื้นที่ต่ำบางส่วนเป็นทางรองรับน้ำ… ระบายออกทางแม่น้ำมูล… ต่อมาความเจริญเริ่มเข้ามา ที่ดินเริ่มมีราคาแพง ทำให้ผู้ที่มีที่ดินติดกับทางระบายน้ำโบราณบุกรุกโดยถมดินและก่อสร้าง… เป็นสาเหตุทำให้น้ำระบายได้ช้า เกิดน้ำท่วม… เรื่องนี้ทางราชการทราบดีแต่ไม่กล้าแก้ไข คงกลัวอิทธิพล… ส่วนอีกราย เป็น ส.ส. เจ้าของโรงสีใหญ่ อยากได้ที่ดินมาก ล้อมรั้วคอนกรีตฮุบหนองน้ำสาธารณะผนวกเข้ากับที่ตัวเองอย่างหน้าด้านที่สุด แปลกจริงหนอเศรษฐีอยากได้ที่ดินใช้วิธีที่น่าละอายที่สุด เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทางด้านใช้อำนาจบุกรุกที่สาธารณะ…” ให้แก่ผู้ที่อยู่ในงาน คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้เสียหายได้รับเลือกตั้งจากประชาชนให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม แม้ถือเป็นการแสดงต่อประชาชนว่าต้องเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริต ต้องรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองและอยู่ในวิสัยที่จะถูกตรวจสอบพฤติกรรมที่จะส่อแสดงให้เห็นว่าจะใช้อำนาจโดยไม่สุจริตดังศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยก็ตาม แต่การตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวย่อมต้องกระทำภายใต้กรอบของกฎหมาย เพราะผู้เสียหายก็เป็นประชาชนที่ย่อมต้องได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นกัน หาใช่ว่าบุคคลทั่วไปสามารถที่จะกระทำต่อผู้เสียหายอย่างไรและเมื่อใดก็ได้ตามอำเภอใจอย่างไม่มีข้อจำกัดไม่ ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคามซึ่งได้รับเชิญให้ไปร่วมงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีนายสมศักดิ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยผู้เสียหายนั่งอยู่บนโซฟาด้านหน้าแถวเดียวกับนายสมศักดิ์และนายชาญชัย ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บุคคลในสังคมย่อมรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเป็นงานที่มีเกียรติสูง เพราะมีบุคคลระดับรัฐมนตรีมาเป็นประธานและผู้เสียหายก็ได้รับเกียรติดังกล่าวด้วย จำเลยเคยเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคามซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้สูง ย่อมสามารถแยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้ดีกว่าบุคคลโดยทั่วไปว่าสิ่งใดควรหรือมิควรกระทำหรือควรกระทำเมื่อใดและอย่างไร ข้อความในแผ่นปลิวโฆษณาที่ว่า ผู้เสียหายฮุบหนองน้ำสาธารณะผนวกเข้ากับที่ตัวเองอย่างหน้าด้านที่สุด แปลกจริงหนอเศรษฐีอยากได้ที่ดินใช้วิธีที่น่าละอายที่สุด เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทางด้านใช้อำนาจบุกรุกที่สาธารณะนั้น เป็นการใส่ความว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม ใช้อิทธิพลฮุบเอาสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไปเป็นของตนโดยมิชอบอย่างไม่มีความละอายแก่ใจที่วิญญูชนอ่านแล้วย่อมรู้สึกดูหมิ่นและเกลียดชังผู้เสียหายได้ในทันที อันเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหายอย่างชัดเจน แม้หากจำเลยไปพบเห็นข้อความในแผ่นปลิวโฆษณา ไม่ว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นความจริงดังจำเลยอ้างหรือไม่ แต่ก็มีวิธีการที่จำเลยจะดำเนินการหรือร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบได้อีกหลากหลายวิธีโดยไม่มีเหตุที่ต้องไปละเมิดต่อสิทธิของบุคคลใด จึงไม่มีความจำเป็นใดเลยที่จำเลยจะต้องแจกจ่ายเผยแพร่แผ่นปลิวโฆษณาข้อความหมิ่นประมาทผู้เสียหายในสภาพการซึ่งผู้เสียหายนั่งอยู่ในงานที่มีทั้งนักการเมืองระดับสูงและข้าราชการผู้ใหญ่และประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าโดยมีเจตนาที่ต้องการประจานผู้เสียหายให้ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างมาก ทั้งต่อนายสมศักดิ์ นายชาญชัย ข้าราชการผู้ใหญ่ และประชาชนในพื้นที่ซึ่งไปร่วมงานจำนวนมากนั่นเอง จึงเป็นการใส่ความผู้เสียหายในประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแล้ว หาใช่มีเจตนาเพียงต้องการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หรือเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ อันจะทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) ไม่ ที่จำเลยอ้างว่า ต่อมามีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ก็ได้ความตามหนังสือของนายอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยท้ายเอกสารดังกล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามที่จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 แจ้งความประสงค์ให้ทางราชการตรวจสอบที่ดินสาธารณะประโยชน์หนองโนนกกกา มิใช่ตามแผ่นปลิวโฆษณา พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยการโฆษณา จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น