คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนที่จำเลยที่2ฟ้องจำเลยที่1ไม่ผูกพันโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแต่การที่โจทก์ขอให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยห้ามมิให้จำเลยที่1โอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทให้แก่จำเลยที่2ตามคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมมีผลเป็นการให้งดการบังคับคดีในคดีก่อนซึ่งคดีได้ถึงที่สุดแล้วจำเลยที่2ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้หากจำเลยที่2บังคับคดีให้เป็นที่เสียหายแก่โจทก์อย่างไรก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่2ต่อไปโจทก์ไม่มีสิทธิยื่นขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อให้มีผลห้ามมิให้จำเลยที่2ดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับพิพาทที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2หากจำเลยที่2บังคับคดีในคดีก่อนรับโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทจากจำเลยที่1แล้วโอนต่อไปยังบุคคลภายนอกอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้โจทก์จึงมีสิทธิขอให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยห้ามมิให้จำเลยที่2โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นได้แม้โจทก์จะเป็นสามีของจำเลยที่1ซึ่งมีสิทธิขอกันส่วนของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ก็ตามแต่ก็ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับให้โจทก์จำต้องใช้สิทธิขอกันส่วนแต่อย่างเดียว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง ขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 69 ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรสของโจทก์และจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ไปทำสัญญาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์ยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2533 จำเลยที่ 2 เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533 ของศาลชั้นต้น ซึ่งได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินตาม น.ส. 3 ก. เลขที่ 69 ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามสัญญาจะซื้อขายฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2533 หากไม่โอนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1และขณะนี้จำเลยที่ 2 ได้ดำเนินการบังคับคดีเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว แล้วจะนำเอาที่ดินพิพาทไปจำหน่ายจ่ายโอนหรือขายให้บุคคลอื่น ซึ่งหากจำเลยที่ 2 นำที่ดินพิพาทไปขายให้แก่บุคคลอื่นแล้ว จะทำให้โจทก์เสียหาย เพราะโจทก์จะไม่สามารถบังคับตามคำพิพากษาในคดีนี้ ฉะนั้นเพื่อให้โจทก์ได้รับความคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงขอให้ไต่สวน แล้วมีคำสั่งห้ามหรือระงับมิให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำนิติกรรมโอนที่ดินน.ส.3 ก. เลขที่ 69 ให้แก่กันและห้ามหรือระงับมิให้จำเลยที่ 2จำหน่าย จ่าย โอนหรือขายที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลอื่นในกรณีที่จำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพิพาทแล้วกับขอให้มีคำสั่งถึงนายอำเภอแก่งคอย หรือเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอแก่งคอยเพื่อให้ปฏิบัติตามนี้ด้วย
จำเลย ที่ 1 ไม่ คัดค้าน
จำเลยที่ 2 คัดค้านว่า การที่จำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 นั้น เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533 ของศาลชั้นต้น มิใช่เป็นการดำเนินการโอนขาย หรือจำหน่ายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1มีเจตนาจะประวิงหรือขัดขวางต่อการบังคับคดีตามคำบังคับซึ่งอาจจะออกบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 หรือเพื่อจะฉ้อโกงแต่อย่างใดจำเลยที่ 2 มีสิทธิในการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 เนื่องจากคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533 ของศาลชั้นต้นได้ถึงที่สุดแล้ว และการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบและเสียหายแต่อย่างใด เพราะหากโจทก์เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอกันส่วนในที่ดินพิพาทแปลงดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ทั้งโจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์หรือให้ใส่ชื่อโจทก์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์โจทก์จึงไม่อาจร้องขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทให้แก่ จำเลยที่ 2 หรือห้ามมิให้จำเลยที่ 2จำหน่าย จ่าย โอนหรือขายที่ดินพิพาทเพราะเป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวนอกคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254และ 264 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า คำร้องของโจทก์มีเหตุเพียงพอและจำเป็นที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จึงมีคำสั่งห้ามการโอน การขายที่ดินพิพาทจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
จำเลย ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการแรกมีว่า โจทก์มีสิทธิขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาห้ามมิให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว แม้คดีที่จำเลยที่ 2 ฟ้องจำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533ของศาลชั้นต้นจะไม่ผูกพันโจทก์ในคดีนี้ แต่การที่โจทก์ขอให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยห้ามมิให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ย่อมมีผลเป็นการให้งดการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533 ซึ่งคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิที่จะบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ หากจำเลยที่ 2 บังคับคดีให้เป็นที่เสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีอย่างไรก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ต่อไป โจทก์หามีสิทธิมายื่นขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเพื่อให้มีผลห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าวไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยที่ 1โอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้นปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการต่อไปมีว่า โจทก์มีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยที่ 2 มิให้โอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทให้แก่บุคคลอื่นหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับพิพาทที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 หากจำเลยที่ 2 บังคับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1085/2533 ของศาลชั้นต้นรับโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทจากจำเลยที่ 1แล้วโอนต่อไปยังบุคคลภายนอก อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ โดยห้ามมิให้จำเลยที่ 2 โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นได้ และตามข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางไต่สวนเห็นว่ามีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองตามที่โจทก์ขอนั้นมาใช้ได้ ส่วนที่จำเลยที่ 2ฎีกาว่า โจทก์สามารถยื่นคำร้องขอกันส่วนในที่ดินพิพาทได้นั้นเห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นสามีของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีสิทธิขอกันส่วนของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ก็ตามแต่ก็หามีบทกฎหมายใดบังคับให้โจทก์จำต้องใช้สิทธิขอกันส่วนแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาได้ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามนั้นยังไม่ชัดเจนสมควรแก้ไขเสียให้ชัดแจ้ง
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายฉบับพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 แล้ว ห้ามมิให้จำเลยที่ 2โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share