แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปีแต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย, 83 33 ริบค้อนยางของกลาง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 65,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 83 ให้ประหารชีวิต และให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 65,000 บาท แก่ผู้เสียหาย (ทายาทของผู้เสียหาย) ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้คืนค้อนยางของกลางแก่เจ้าของ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 52(2) จำคุก 50 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โดยคู่ความไม่ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 83 ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 65,000 บาทแก่ผู้เสียหายศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 52(2)โดยวินิจฉัยว่า เนื่องจากจำเลยที่ 2 อ้างตัวแทนเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยที่ 2 เกิดวันที่ 15 กันยายน 2516 นับถึงวันกระทำผิดจำเลยที่ 2 มีอายุ 17 ปี 24 วัน ไม่ใช่อายุ 20 ปีตามที่โจทก์ระบุในฟ้องปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ลงโทษจำคุกจำเลยที 2 มีกำหนด 50 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2มีอายุเท่าไร การลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยอันศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นพิจารณา แม้มิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นได้หรือไม่และการที่จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้วกลับปฏิเสธในชั้นศาลว่าจำเลยไม่ได้รับสารภาพโดยสมัครใจ จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล และศาลจะลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ได้หรือไม่ ปัญหาเกี่ยวกับอายุของจำเลยนั้น ในชั้นสืบพยานโจทก์โจทก์หาได้ นำสืบเกี่ยวกับอายุของจำเลยไม่ เมื่อจำเลยเบิกความถึงอายุไม่ตรงตามที่ฟ้อง โจทก์ก็มิได้ถามค้านหรือขอนำสืบคัดค้านแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังที่จำเลยสาบานตัวเองเบิกความว่า จำเลยเกิดวันที่ 15 กันยายน 2516 และมีอายุเพียง 17 ปี 24 วัน ในขณะเกิดเหตุ
ส่วนปัญหาว่าการลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยอันศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นพิจารณา แม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นได้หรือไม่ นั้นเห็นว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตร 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปี แต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิด จำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน