คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1998/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิด 2 กระทง เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไปแล้วก็ควรจะลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นอย่างเดียวกันไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยเพราะจะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมที่กระทงหนึ่งลงโทษจำคุก แต่อีกกระทงหนึ่งรอการลงโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 4 เม็ด น้ำหนัก 0.36 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต กับจำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นขนาด 12ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้จำนวน 1 กระบอกซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวและเงินที่ใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน และเงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน หลอดกาแฟ 1 หลอด ซึ่งตัดเป็นท่อนใช้ในการบรรจุเมทแอมเฟตามีน ถุงพลาสติก 6 ถุง กับอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 15, 66 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 และริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นเงินที่ใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนให้คืนแก่เจ้าของ

จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย (ที่ถูกฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานจำหน่าย) จำคุก 5 ปี ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 1 ปี คำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกับคำรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามและกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน และจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี10 เดือน ริบของกลาง เว้นแต่เงินจำนวน 240 บาท และ 24,140บาท ให้คืนแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและนำตัวจำเลยพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด และเงินจำนวน 240 บาท กับอาวุธปืนเป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย กับฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโทวิโรจน์ แย้มปราศัย และนายดาบตำรวจพร ก๊กพงษ์ เป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่า เหตุที่ต้องมีการวางแผนเพื่อจับกุมจำเลยเพราะได้รับหนังสือร้องเรียนจากราษฎรว่า จำเลยและนายอินแปง บุดสีดา สามีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่วัยรุ่นในหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ได้มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่าเป็นความจริงจึงได้ขอหมายค้นจากศาลชั้นต้นตามเอกสารหมาย จ.2 สำหรับเงินที่ใช้ล่อซื้อได้ความจากนายดาบตำรวจพรว่าเป็นของร้อยตำรวจโทวิโรจน์คือ ธนบัตรฉบับละ 100 บาท 2 ฉบับ และฉบับละ 20 บาท7 ฉบับ เงินทั้งหมดนี้ก่อนนำไปมอบให้สายลับได้นำไปถ่ายสำเนาและลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้เป็นหลักฐานตามเอกสารหมายจ.3 และ จ.4 และร้อยตำรวจโทวิโรจน์เบิกความว่า สายลับนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด มามอบให้ยืนยันว่าซื้อมาจากจำเลยโดยระบุรูปพรรณสัณฐานและการแต่งกายให้พยานทราบ พยานจึงแจ้งวิทยุให้นายดาบตำรวจพรซึ่งซุ่มดูเหตุการณ์ใกล้กับที่เกิดเหตุมากที่สุดเข้าทำการตรวจค้นจับกุมจำเลย ผลการตรวจค้นพบธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ และฉบับละ 20 บาท จำนวน 2 ฉบับ มีหมายเลขตรงกับธนบัตรที่ให้สายลับไปล่อซื้อจากจำเลยในชั้นจับกุมจำเลยก็ให้การรับว่า ธนบัตรดังกล่าวได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ซึ่งก็สอดคล้องกับคำของนายดาบตำรวจพรที่เบิกความว่า จำเลยรับว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนไปเมื่อสักครู่นี้ ส่วนจำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด และธนบัตรจำนวน 240 บาท ที่อ้างว่าเป็นธนบัตรที่สายลับใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้นำมาวางไว้ที่แคร่ใต้ถุนบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำความผิด และมีนายสมาน ปัดถา เป็นพยานจำเลยเบิกความว่า ระหว่างที่มีการตรวจค้นจำเลยได้ยินเจ้าพนักงานตำรวจคนหนึ่งพูดว่า หากไม่พบอะไรก็ให้ยัดใส่มือไว้ เห็นว่า ตามบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเอกสารหมาย จ.7และ จ.8 มีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า ค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อซ่อนอยู่ในตู้กับข้าวชั้นล่างซึ่งจำเลยมิได้โต้แย้งว่าไม่ถูกต้อง ธนบัตรของกลางที่ใช้ล่อซื้อจึงเป็นวัตถุพยานที่ได้ความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบมาว่า จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับและรับธนบัตรดังกล่าวจากสายลับจริงดังที่นายดาบตำรวจพรเบิกความว่าจำเลยรับว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนไปเมื่อสักครู่นี้ แม้โจทก์จะไม่ได้นำสายลับมาเบิกความก็หาทำให้น้ำหนักคำพยานโจทก์ดังวินิจฉัยมาข้างต้นเสียไปไม่ นอกจากนี้ยังได้ความจากร้อยตำรวจโทวิโรจน์ว่า ก่อนมีการตรวจค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อ นายอินแปงสามีจำเลยเข้ามาที่บ้านขอตรวจค้นเจ้าพนักงานตำรวจก่อน เจ้าพนักงานตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ยอมให้ตรวจค้นก่อนฉะนั้นจึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะไปสร้างพยานหลักฐานเท็จปรักปรำใส่ร้ายจำเลย ฎีกาของจำเลยที่อ้างในทำนองว่าเจ้าพนักงานตำรวจสร้างพยานหลักฐานเท็จด้วยการนำธนบัตรที่มีหมายเลขตรงกับที่ถ่ายสำเนาลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีไว้ให้สายลับไปล่อซื้อไปวางไว้ที่บ้านจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น ทั้งจำเลยก็รับว่าเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องเป็นของจำเลยจริง และยังพบธนบัตรที่เจ้าพนักงานตำรวจให้สายลับไปใช้ล่อซื้ออยู่ในความครอบครองของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์จึงสมเหตุผลมีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามฟ้องจริง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการสุดท้ายว่าในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีเหตุอันควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไปแล้ว ก็ควรที่จะลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นอย่างเดียวกันเสียด้วย ไม่ควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลยเพราะจะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมที่กระทงหนึ่งลงโทษจำคุกแต่อีกกระทงหนึ่งรอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้นเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share