แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลที่ให้วินิจฉัยข้อกฎหมายในคำพิพากษา เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยทั้งสองโต้แย้งไว้แล้ว จำเลยทั้งสองชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จำเลยทั้งสองจะอุทธรณ์ทันทีตามอุทธรณ์ฉบับนี้ไม่ได้ จึงไม่รับอุทธรณ์ฉบับนี้ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า คำร้องของจำเลยทั้งสองที่ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ เป็นข้อกฎหมายที่หากศาลมีคำสั่งให้ส่งไปศาลฎีกาแล้วจะทำให้คดีเสร็จไปทั้งสำนวน เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้วินิจฉัยเมื่อมีคำพิพากษาโดยไม่ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกานั้น ถือว่าศาลสั่งเป็นคุณแก่ฝ่ายโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ทันที เพราะถือว่าเป็นคำสั่งใด ๆตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงไม่ชอบโปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 10,262,112.55 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 4,769,359.80บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 8 มีนาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางส่งสำนวนไปให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องอยู่ในอำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหรือไม่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งว่า สมควรวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวในคำพิพากษา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 7)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 1)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งคำร้องของจำเลยทั้งสองที่ขอให้ส่งสำนวนไปให้ประธานศาลฎีกาชี้ขาดเรื่องอำนาจศาลว่า สมควรวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวในคำพิพากษานั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา แต่อย่างไรก็ตามศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นว่า กรณีตามคำร้องดังกล่าวของจำเลยทั้งสอง มีปัญหาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหรือไม่ แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้เสนอปัญหานี้ให้ประธานศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัยเสียก่อน ตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 9 บัญญัติไว้ จึงไม่ถูกต้อง และจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวทันที จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะอาศัยเหตุตามความในมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองส่งมาให้ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิจารณาได้ แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้ดำเนินการดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองฉบับลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544 ไว้พิจารณา และให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดำเนินการต่อไป