แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 46 วรรคสอง หมายความถึงการเลิกจ้างโดยนายจ้างหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้าง ร. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลย เมื่อไม่ปรากฏว่าภรรยาของ ร. ได้รับมอบหมายจากร.ให้มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์การที่ภรรยาของร.ให้ส.ไปบอกโจทก์ว่าไม่ให้มาทำงานกับจำเลย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจ่ายค่าชดเชย และค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นายราเวช สุริย์ฉาย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลย จำเลยไม่ได้บอกเลิกจ้างโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณา โจทก์แถลงว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายจากจำเลยครบถ้วนแล้ว
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2532 ได้ค่าจ้างสุดท้ายเดือนละ 4,700 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และสิ้นเดือน ระหว่างโจทก์ทำงานกับจำเลยพี่สาวโจทก์เคยเป็นคนรักของนายราเวช กรรมการผู้จัดการของจำเลยต่อมาได้เลิกกัน เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2535 นายสำรวย หลงจู้ของจำเลยได้นำเงินที่ภรรยาของนายราเวชมอบให้ไปจ่ายเงินเดือนและโบนัสแก่โจทก์และพนักงานคนอื่น ๆ นายสำรวยได้แจ้งแก่โจทก์ว่าภรรยายของนายราเวชไม่ให้โจทก์มาทำงานกับจำเลยอีกต่อไป จึงรับฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 4,073 บาท และค่าชดเชยเป็นเงิน28,200 บาท แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางได้ฟังไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้น ภรรยาของนายราเวชไม่ใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่จะมีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้ และไม่ปรากฏว่าภรรยาของนายราเวชได้รับมอบหมายจากนายราเวชผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยให้มีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้ ภรรยาของนายราเวชจึงไม่มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ การที่ภรรยาของนายราเวชให้นายสำรวยบอกโจทก์ไม่ให้มาทำงานกับจำเลยอีกต่อไปยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจากจำเลย ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้าง โจทก์และให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.