แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้นายจ้างมีสิทธิที่จะปรับปรุงหน่วยงานของตนเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน แต่การปรับปรุงหน่วยงาน ดังกล่าวต้องไม่เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับความเสียหายหากลูกจ้างคนใดได้รับความเสียหายและไม่ยินยอม หากนายจ้าง เลิกจ้างลูกจ้างนั้นเพราะลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ นายจ้างดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมลูกจ้างคนนั้นย่อมมีสิทธิได้รับการชดใช้ความเสียหายในส่วนนี้ จำเลยยุบตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ซึ่งขณะนั้นโจทก์ดำรงตำแหน่งดังกล่าวและให้โจทก์ไปทำหน้าที่เป็นแพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาลจำเลย แต่ค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับลดลงโดยโจทก์ไม่ยินยอม การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งจึงเป็นการเลิกจ้างที่ ไม่เป็นธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างครั้งสุดท้ายดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลและผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ต่อมาจำเลยต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยให้โจทก์ไปทำงานในตำแหน่งใหม่ซึ่งมีผลประโยชน์ตอบแทนการทำงานลดลงแต่โจทก์ไม่ยินยอม จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดและเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 4,080,000บาท ตามกฎระเบียบและข้อบังคับการปฏิบัติงานของจำเลยเกี่ยวกับการเลิกจ้างกำหนดว่า หากจำเป็นต้องบอกเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด จำเลยจะแจ้งให้โจทก์ทราบล่วงหน้า 3 เดือน จำเลยจึงต้องชำระสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์เป็นเงิน 408,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 4,488,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เดิมโจทก์ทำงานตำแหน่งตามฟ้อง ต่อมาจำเลยให้โจทก์ทำหน้าที่ตำแหน่งใหม่ซึ่งโจทก์จะได้รับเงินเดือนเท่าแพทย์อาวุโสสูงสุดของโรงพยาบาลจำเลย และโจทก์มีสิทธิแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนในวิชาชีพแพทย์อีก รวมแล้วโจทก์จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงเท่าเงินเดือนประจำที่ได้รับจากจำเลยแต่โจทก์ไม่ยอมรับตำแหน่งดังกล่าว จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิของโจทก์ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ได้ถูกเลิกจ้างโดยเหตุอันไม่สมควรและไม่เป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 1,360,000 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 408,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างมีสิทธิที่จะปรับปรุงหน่วยงานของจำเลยเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน แต่การปรับปรุงหน่วยงานดังกล่าวต้องไม่เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับความเสียหาย หากลูกจ้างคนใดได้รับความเสียหายและไม่ยินยอม นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างคนนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ลูกจ้างคนนั้นย่อมมีสิทธิได้รับการชดใช้ความเสียหายในส่วนนี้ ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานกลาง (ศาลจังหวัดเชียงใหม่) รับฟังเป็นยุติว่าจำเลยยุบตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ซึ่งขณะนั้นโจทก์ดำรงตำแหน่งดังกล่าวและให้โจทก์ไปทำหน้าที่เป็นแพทย์อาวุโสประจำโรงพยาบาลจำเลย แต่ค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับลดลงโจทก์ไม่ยินยอมเช่นนี้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์
พิพากษายืน