คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โจทก์จึงมีหน้าที่และอำนาจในการจัดการมรดกตามที่ ป.พ.พ. บรรพ 6 ลักษณะ 4 บัญญัติไว้ การที่โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบข้อเท็จจริงแต่เพียงว่าโจทก์ไม่สามารถจัดการมรดกในส่วนที่ดินมีโฉนดได้เพราะทายาทไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นร่วมกันในการจัดการและปันทรัพย์มรดก แม้จะเป็นจริงดังโจทก์กล่าวอ้างโจทก์ก็มีอำนาจดำเนินการจัดการและปันทรัพย์มรดกไปได้โดยไม่ต้องจัดประชุม เพราะอาจมีทายาทที่ไม่เห็นด้วยไม่เข้าร่วมประชุมอันจะทำให้การจัดการมรดกติดขัดหรือหยุดชะงักลง ทำให้เกิดความเสียหายกับการจัดการและปันทรัพย์มรดกได้ ข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างว่า ทายาทไม่เข้าร่วมประชุม ยังไม่อาจรับฟังได้ถึงขนาดว่าจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับโจทก์ ขัดขวางหรือโต้แย้งสิทธิในการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์จนไม่สามารถจัดการมรดกได้ โจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์นำที่ดินโฉนดเลขที่ 1176, 1184, 1186, 1203 และ 1206 ตำบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ออกขายนำเงินมาแบ่งกันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งห้า
จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์นำที่ดินโฉนดเลขที่ 1176, 1184, 1186, 1203 และ 1206 ตำบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งเท่า ๆ กันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งห้า ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงแก่ความตาย ผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 และทายาทของจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลฎีกาอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัย และคู่ความไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่า โจทก์และจำเลยทั้งห้าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจ่าสิบตำรวจวิภรณ์ ผู้ตาย กับนางทุเรียน ผู้ตาย ถึงแก่ความตายเมื่อปี 2521 ศาลมีคำสั่งตั้งนางทุเรียนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่นางทุเรียนจัดการมรดกยังไม่เสร็จสิ้นก็ถึงแก่ความตายก่อน ศาลจึงมีคำสั่งตั้งโจทก์และจำเลยที่ 5 ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยที่ 5 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแต่เพียงผู้เดียว โจทก์รวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตายซึ่งมีอยู่หลายรายการและโจทก์เห็นว่าทรัพย์มรดกส่วนที่เป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 1176, 1184, 1186, 1203 และ 1206 ตำบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทรัพย์มรดกที่ทายาทควรเจรจาตกลงกันและแบ่งปันกันได้โจทก์จึงขอนัดประชุม แต่ไม่อาจประชุมและเจรจากันได้ โจทก์จึงนำคดีนี้มาฟ้องทายาททั้งห้าเป็นจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งห้านำที่ดินทั้งห้าแปลงดังกล่าวออกขาย แล้วนำเงินมาแบ่งปันกันตามสัดส่วนเท่า ๆ กันระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งห้า
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการทรัพย์มรดกตามคำสั่งศาล โจทก์จึงมีหน้าที่และมีอำนาจในการจัดการทรัพย์มรดกตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ลักษณะ 4 ว่าด้วยวิธีการจัดการและปันทรัพย์มรดกได้บัญญัติไว้ โจทก์บรรยายฟ้องและนำสืบข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความแต่เพียงว่าโจทก์ไม่สามารถจัดการทรัพย์มรดกในส่วนที่เป็นที่ดินมีโฉนดดังกล่าวได้ เพราะทายาทไม่ให้ความร่วมมือไม่มาเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความเห็นร่วมกันในการจัดการและปันทรัพย์มรดก ถึงแม้หากข้อเท็จจริงจะเป็นดังเช่นที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการและปันทรัพย์มรดกก็มีอำนาจที่จะดำเนินการจัดการและปันทรัพย์มรดกไปได้โดยไม่จำต้องจัดประชุม เพราะหากถือเป็นหลักว่าโจทก์ต้องจัดประชุมก่อนให้ได้ เช่นนี้ ทายาทที่ไม่เห็นด้วยกับการที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกก็จะไม่เข้าร่วมประชุมและทำให้การจัดการมรดกที่ควรจะดำเนินการต่อไปให้เสร็จเรียบร้อยไปได้โดยรวดเร็วต้องติดขัดหรือหยุดชะงักลง ความเสียหายก็จะเกิดขึ้น กับการจัดการและปันทรัพย์มรดก ข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างว่าทายาทไม่เข้าร่วมประชุม ยังไม่อาจรับฟังได้ถึงขนาดว่าจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับโจทก์ ขัดขวางหรือโต้แย้งสิทธิในการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์จนไม่สามารถจัดการมรดกได้แต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และพิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share