แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ผู้ส่งทั้งสองซึ่งเอาประกันภัยสินค้าไว้กับโจทก์ไม่ได้ตกลงไว้โดยชัดแจ้งให้จำเลยผู้ขนส่งจำกัดความรับผิดตามใบตราส่งได้นั้น เป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิมาจากบริษัท ย. ผู้เอาประกันภัยรายหนึ่ง 133,585.24 บาท และรับช่วงสิทธิมาจากบริษัท พ. ผู้เอาประกันภัยอีกรายหนึ่ง 76,394.38 บาท แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลยรวมมาเป็นคดีเดียวกันก็ตาม แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์รับช่วงสิทธิตามสัญญาประกันภัยต่างรายกัน จึงเป็นสิทธิเรียกร้องที่แยกต่างหากจากกันโดยสิ้นเชิง ดังนี้ในการพิจารณาสิทธิในการอุทธรณ์ต้องถือทุนทรัพย์ในสิทธิเรียกร้องแต่ละรายที่โจทก์รับช่วงสิทธิแยกกัน เมื่อทุนทรัพย์ที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาแต่ละรายมีจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 41 แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับอุทธรณ์ส่วนดังกล่าวมาก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า แม้สินค้าที่ขนส่งจะเป็นอัญมณีแต่ผู้ส่งทั้งสองได้บอกถึงราคาแก่ผู้ขนส่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 620 แล้ว จำเลยผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดนั้น แม้วินิจฉัยไปก็ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกับดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 218,155.62 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 209,979.62 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า ผู้ส่งทั้งสองเป็นผู้กรอกข้อความลงในใบรับขนของทางอากาศ และในช่องลงลายมือชื่อและตราประทับของผู้ส่งทั้งสองลงไว้พร้อมกับมีข้อความว่าได้ตกลงเกี่ยวกับข้อสัญญาที่ปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของใบรับขนของทางอากาศด้วย ซึ่งข้อความด้านหลังมีข้อความการจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งไว้ ประกอบกับได้ความด้วยว่าการใช้บริการของจำเลยจะต้องมีการสมัครเป็นสมาชิกก่อนโดยลูกค้าจะรับทราบรายละเอียดข้อกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ในการใช้บริการการขนส่งของจำเลยด้วย เชื่อว่ามีการตกลงจำกัดความรับผิดไว้ชัดแจ้งเป็นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเที่ยว หรือกิโลกรัมละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า โดยสินค้าที่สูญหายทั้งสองครั้งมีน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม และ 12 กิโลกรัม จำเลยต้องรับผิด 100 ดอลลาร์สหรัฐ และ 240 ดอลลาร์สหรัฐ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินรวม 340 ดอลลาร์สหรัฐ แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ นับแต่วันที่ 6 กันยายน 2549 และจากต้นเงิน 240 ดอลลาร์สหรัฐ นับแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2549 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ในกรณีที่จำเลยจะชำระเป็นเงินบาท ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ใช้บังคับอยู่ในวันหรือก่อนวันที่ใช้เงินแล้วแต่กรณี ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า ผู้ส่งทั้งสองซึ่งเอาประกันภัยสินค้าไว้กับโจทก์ไม่ได้ตกลงไว้โดยชัดแจ้งให้จำเลยผู้ขนส่งจำกัดความรับผิดตามใบตราส่งได้นั้น เป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรับช่วงสิทธิมาจากบริษัทไยน่าส์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้เอาประกันภัยรายหนึ่งจำนวน 133,585.24 บาท และรับช่วงสิทธิมาจากบริษัทพริมารส จำกัด ผู้เอาประกันภัยอีกรายหนึ่งจำนวน 76,394.38 บาท แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลยรวมมาเป็นคดีเดียวกันก็ตาม แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์รับช่วงสิทธิตามสัญญาประกันภัยต่างรายกัน จึงเป็นสิทธิเรียกร้องที่แยกต่างหากจากกันโดยสิ้นเชิง ดังนี้ ในการพิจารณาสิทธิในการอุทธรณ์ต้องถือทุนทรัพย์ในสิทธิเรียกร้องแต่ละรายที่โจทก์รับช่วงสิทธิแยกกัน เมื่อทุนทรัพย์ที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาแต่ละรายมีจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 41 แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งรับอุทธรณ์ส่วนดังกล่าวมาก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า แม้สินค้าที่ขนส่งจะเป็นอัญมณีแต่ผู้ส่งทั้งสองได้บอกถึงราคาแก่ผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 แล้ว จำเลยผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดนั้น แม้วินิจฉัยไปก็ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ