คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลักษณะงานของโจทก์ที่เกี่ยวกับแพทย์และพยาบาลที่โจทก์จัดหาเข้าไปดูแลยังสถานประกอบกิจการนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจสั่งการเกี่ยวกับการทำงานของแพทย์และพยาบาล แพทย์และพยาบาลจะไปหรือไม่ก็ได้ ไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการลา เงินที่โจทก์จ่ายให้แก่แพทย์และพยาบาลนั้นสถานประกอบการเป็นผู้จ่ายโดยจ่ายผ่านโจทก์ซึ่งจะหักเป็นค่าติดต่อแล้วจึงจ่ายส่วนที่เหลือให้แก่แพทย์และพยาบาล เงินดังกล่าวไม่ใช่ค่าจ้างที่โจทก์จ่ายให้ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับแพทย์และพยาบาลจึงไม่มีลักษณะเป็นนายจ้างลูกจ้างตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 5

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐม ที่ นฐ 0025/54478 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ส่วนที่เกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 2026/2550 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2550
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครปฐมที่ นฐ 0025/54478 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทุนประกันสังคม และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยเสีย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีวัตถุประสงค์ในการรับบริการดูแลด้านสุขภาพและอาชีวอนามัย การรักษาพยาบาลเบื้องต้นโดยโจทก์ติดต่อประสานไปยังสถานประกอบการเพื่อจัดหาแพทย์และพยาบาลเข้าไปดูแลยังสถานประกอบการ สถานประกอบการดังกล่าว เช่นบริษัทพานาโซนิค อีเล็คทริคเวิร์คส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ไม่ได้ประกอบกิจการโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลหรือการบริการดูแลสุขภาพ โจทก์มีข้อตกลงว่าสถานประกอบการจะเป็นผู้คิดค่าตอบแทนให้แก่แพทย์และพยาบาลโดยดูจากเวลาทำงานที่สถานประกอบการ ส่วนการจ่ายเงินจะจ่ายผ่านโจทก์เพื่อให้โจทก์หักค่าติดต่อไว้ ส่วนที่เหลือจะจ่ายให้แก่แพทย์และพยาบาลรับไป หากแพทย์หรือพยาบาลประสงค์ที่จะไม่ทำงานก็สามารถออกจากสถานประกอบการนั้นไปได้โดยไม่ต้องแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานใช้กับแพทย์และพยาบาล หากแพทย์หรือพยาบาลไม่สามารถมาทำงานในวันใด แพทย์และพยาบาลนั้นให้เพื่อนที่เป็นแพทย์หรือพยาบาลคนอื่นไปทำงานแทนได้โดยไม่ต้องแจ้งให้โจทก์ทราบ แม้แพทย์และพยาบาลขาดหรือมาสาย โจทก์ไม่สามารถลงโทษแพทย์และพยาบาลได้ โจทก์ไม่มีหน้าที่ควบคุมดูแลการทำงานของแพทย์และพยาบาลและไม่ได้เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อใช้ในการทำงานให้แก่แพทย์และพยาบาล จำเลยแจ้งผลการตรวจบัญชีค่าจ้างประจำปี 2548 มายังโจทก์ และมีคำสั่งให้โจทก์ชำระเงินสมทบเพิ่มเติมพร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายในส่วนของกองทุนประกันสังคมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2548 คิดเป็นเงินสมทบจำนวน 445,274 บาท โดยจำเลยเห็นว่าแพทย์และพยาบาลต้องทำงานตามข้อตกลงที่โจทก์ทำกับสถานประกอบการและโจทก์จ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้แก่แพทย์และพยาบาล จึงมีฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างตามกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปยังคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลย คณะกรรมการอุทธรณ์มีมติยกอุทธรณ์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า คำสั่งของจำเลยชอบหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า การที่แพทย์และพยาบาลตกลงทำงานให้โจทก์ตามข้อตกลงที่ทราบระหว่างกัน จึงเป็นสภาพการจ้างที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติว่าต้องเป็นแพทย์และพยาบาลวิชาชีพเท่านั้น และพยาบาลได้รับค่าจ้างจากโจทก์ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับแพทย์และพยาบาลมีลักษณะเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง เห็นว่า ลักษณะงานของโจทก์ที่เกี่ยวกับแพทย์และพยาบาลนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจสั่งการเกี่ยวกับการทำงานของแพทย์และพยาบาล แพทย์และพยาบาลจะไปทำงานหรือไม่ก็ได้ ไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการลา เงินที่โจทก์จ่ายให้แก่แพทย์และพยาบาลนั้นสถานประกอบการเป็นผู้จ่าย โดยจ่ายผ่านโจทก์ซึ่งจะหักเป็นค่าติดต่อแล้วจึงจ่ายส่วนที่เหลือให้แก่แพทย์และพยาบาล เงินดังกล่าวไม่ใช่ค่าจ้างที่โจทก์จ่ายให้ นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับแพทย์และพยาบาลจึงไม่มีลักษณะเป็นนายจ้างลูกจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 5 คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share