คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ขนส่งของไปต่างประเทศทางทะเล จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นำรถลากจูงรถตู้ไปลำเลียงของมาลงเรือ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในความผิดของจำเลยที่ 2 ที่ของสูญหายไปตาม ป.พ.พ. ม.617 ด้วยป.ว.281 ไม่ทำให้จำเลยที่ 1 พ้นความรับผิด โดยเหตุที่เป็นบริษัทต่างประเทศต้องห้ามรับขนส่งสินค้าทางบกไม่ได้จำเลยที่ 2 รับขนช่วงจากจำเลยที่ 1 เป็นการรับขนโดยผู้ขนส่งหลายคนหลายทอด ผู้ขนส่งต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่1 ในการที่สินค้าของโจทก์สูญหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้จ้างจำเลยที่ 1 ขนส่งกุ้งแช่เย็นของโจทก์จากจังหวัดตราด ไปลงเรือที่ท่าสัตหีบ จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้ลากจูงและขนส่งอีกทอดหนึ่ง โดยให้จำเลยที่ 2 นำรถมาลากจูงรถตู้แช่เย็นไปยังสถานที่ดังกล่าว พนักงานขับรถวิทยุและรถลากจูงของจำเลยที่ 2 ขณะทำการตามที่จ้างได้ลักลอบเอากุ้งแช่เย็นของโจทก์ไป โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 1,710,967.05 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า สินค้าหายในระหว่างความครอบครองรับผิดของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด โจทก์ส่งมอบสินค้าให้แก่จำเลยที่ 2โดยตรง จึงไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 1 รับขนส่งเฉพาะส่วนทางทะเลจากท่าเรือสัตหีบไปส่งยังท่าเรือต่างประเทศ โจทก์มิได้เสียหายจริงตามฟ้อง และฟ้องเคลือบคลุม

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จำเลยที่ 1ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ขนสินค้ากุ้งสดแช่เย็นจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ลากตู้บรรทุกทึบตรึงปิดผนึก ไม่ทราบรายละเอียดสิ่งของภายในตู้ และทำในความควบคุมของจำเลยที่ 1 จำนวนกุ้งที่สูญหายไม่จริงตามคำฟ้อง และฟ้องเคลือบคลุม

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,710,967.05บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2517เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์ กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขอนอกนี้ให้ยกเสีย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับขนทางทะเลโจทก์จ้างจำเลยที่ 1 ขนส่งกุ้งแช่เย็นจากจังหวัดตราดไปต่างประเทศในการขนส่งกุ้งดังกล่าว จำเลยที่ 2 ได้นำรถตู้ลำเลียงซึ่งเรียกว่าคอนเทนเนอร์ 3 คันมาที่จังหวัดตราด เมื่อบรรจุกุ้งลงในรถตู้ลำเลียงเสร็จ จำเลยที่ 2 ใช้รถลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบ ปรากฏว่ากุ้งของโจทก์ในรถตู้ลำเลียง 2 คันหายไปบางส่วน โจทก์นำสืบได้ความว่าการบรรทุกกุ้งนั้นเมื่อบรรจุกุ้งลงในรถตู้ลำเลียงแต่ละคันเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานศุลกากรจะปิดประตูรถตู้ลำเลียง ใช้ลวดของกรมศุลกากรคล้องไว้และใช้เครื่องมือบีบตราตะกั่วให้ติดกับลวด เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ก็จะเอาแผ่นโลหะมาปิดผนึกรถตู้ลำเลียงและประทับตราของจำเลยที่ 1 ไว้ เช่นเดียวกัน อนึ่ง การที่จำเลยที่ 2 ลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบนั้น โจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ให้จัดการ จำเลยทั้งสองนำสืบว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีสัญญาขนส่งระหว่างกัน โดยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ลากจูงรถตู้ลำเลียงจากจุดที่บรรทุกของใส่ รถตู้ลำเลียงไปยังท่าเรือสัตหีบ นายดับบลิว.แอล.โปรชาสก้ำกรรมการผู้จัดการจำเลยที่ 1 เบิกความว่าลูกค้าจะไปจ้างผู้รับขนทางบกรายอื่นที่มิใช่จำเลยที่ 2 นำสินค้ามาให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1 มีสัญญากับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2มีสิทธิผูกขาดในการขนส่งสินค้าจากที่บรรทุกสินค้ามายังท่าเรือ นางฉลองพยานจำเลยที่ 1 เบิกความว่าการมอบตู้ (รถตู้ลำเลียง) ให้ลูกค้าหรือจำเลยที่ 2รับไปนั้น จำเลยที่ 1 จะทำหนังสือสำคัญให้เป็นแบบพิมพ์ของทหารสหรัฐอเมริกาจำเลยที่ 1 เป็นผู้กรอกรายการแล้วนำไปให้ทหารสหรัฐอเมริกาเซ็นอนุญาตให้นำตู้ออกจากบริเวณท่าเรือได้ เป็นอันฟังได้ว่าโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งกุ้งแช่เย็นของโจทก์จากที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดไปยังท่าเรือสัตหีบเพื่อนำลงเรือส่งไปต่างประเทศ ในการขนส่งดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ให้จำเลยที่ 2 นำรถมาลากจูงรถตู้ลำเลียงจากท่าเรือสัตหีบไปยังที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดเพื่อบรรทุกกุ้งแล้วลากจูงกลับมาที่ท่าเรือสัตหีบ เห็นได้ว่าการตกลงรับขนของดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น การที่จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นำรถตู้ลำเลียงของจำเลยที่ 1 ไปบรรทุกกุ้งของโจทก์มายังท่าเรือสัตหีบเป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้รับค่าจ้างเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 จากโจทก์โดยตรงก็ปรากฏจากคำเบิกความของนายปรารภพยานจำเลยที่ 2 ว่าเดิมจำเลยที่ 1เรียกเก็บค่าลากจูงให้จำเลยที่ 2 แต่ต่อมาเกี่ยงให้จำเลยที่ 2 เรียกเก็บเองทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเกรงต้องเสียภาษีอีกทอดหนึ่ง การติดต่อลากจูงจำเลยที่ 2 จะกำหนดอัตราขึ้นและเสนอให้จำเลยที่ 1 ทราบเพื่อให้จำเลยที่ 1นำไปเสนอเป็นค่าบริการ เมื่อมีการตกลงลากจูงกันแล้ว จำเลยที่ 2 จะได้แต่ค่าลากจูงเท่านั้น เรื่องการเสนอค่าบริการขนส่งทั้งหมดเป็นของจำเลยที่ 1กระทำ แสดงว่าในการตกลงรับขนของนั้น โจทก์ทำความตกลงกับจำเลยที่ 1แล้วจำเลยที่ 1 จึงให้จำเลยที่ 2 ทำการลากจูงรถตู้ลำเลียง การให้จำเลยที่ 2เก็บค่าระวางพาหนะส่วนของจำเลยที่ 2 จากโจทก์โดยตรงเป็นเพียงวิธีการทางธุรกิจระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 หาทำให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1อันมีต่อโจทก์เปลี่ยนแปลงไปไม่ ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นสาขาของบริษัทต่างประเทศเป็นคนต่างด้าวจะกระทำการรับขนส่งสินค้าทางบกไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 นั้น ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 พ้นความรับผิดไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 617 ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า อันเกิดแต่ความผิดของผู้ขนส่งคนอื่นหรือซึ่งตนหากได้มอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง ฉะนั้นแม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ขนส่งทางทะเลการที่จำเลยที่ 1 รับขนส่งทางทะเลแล้วมอบหมายให้จำเลยที่ 2 ไปนำของที่รับขนจากที่ทำการของโจทก์ที่จังหวัดตราดมายังท่าเรือสัตหีบย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 นำของที่จำเลยที่ 1 รับขนมายังท่าเรืออันเป็นส่วนหนึ่งของการที่จะให้ธุรกิจของจำเลยที่ 1 ในการรับขนของลุล่วงเป็นผลสำเร็จอยู่ในความหมายของกฎหมายดังกล่าว เมื่อของที่รับขนสูญหายไป จำเลยที่ 1 ต้องรับผิด

ต่อไปจะได้วินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีสัญญารับขนส่งสินค้าระหว่างกัน โดยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ลากจูงตู้บรรทุกสินค้าซึ่งเรียกว่าตู้คอนเทนเนอร์จากจุดที่จะบรรทุกสินค้าไปยังท่าเรือสัตหีบเพื่อส่งไปต่างประเทศ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลากจูงสินค้าของโจทก์จากจังหวัดตราดมายังท่าเรือสัตหีบ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับขนสินค้าของโจทก์ด้วย โดยรับขนส่งช่วงจากจำเลยที่ 1 กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าสินค้าของโจทก์ได้ส่งไปโดยมีผู้ขนส่งหมายคนหลายทอด ซึ่งผู้ขนส่งทั้งนั้นจะต้องร่วมกันรับผิดในการที่สินค้าของโจทก์สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยที่ 2จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 10,000 บาท

Share