คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1981/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสาม จำเลยและบุคคลอื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินดังกล่าวได้มีการแบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด แม้โจทก์ทั้งสามจะใช้ทางพิพาทมานานเพียงใด ก็เป็นเพียงการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิภาระจำยอมในทางพิพาทแต่อย่างใด
จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนหนึ่ง จึงมีสิทธิที่จะใช้ทางพิพาทได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อสิทธิแห่ง เจ้าของรวมคนอื่น ๆ การที่จำเลยปิดกั้นทางเดินพิพาทย่อมเห็นได้ว่าเป็นการขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็น เจ้าของรวมด้วย
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม แม้โจทก์ทั้งสามจะตั้งรูปเรื่องฟ้องคดีมาโดยอ้างว่าเป็นทางภาระจำยอม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเป็นกรณีพิพาทระหว่างเจ้าของรวม ศาลมีอำนาจที่จะยกบทกฎหมายที่ถูกต้องขึ้นปรับได้ ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยรื้อถอนประตูไม้สังกะสีออกไปจากทางพิพาทนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นด้วยในผล พิพากษายืน โดยที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน คำพิพากษาจึงมีผลไม่ตรงกับการวินิจฉัย ถือว่าคำวินิจฉัยและคำพิพากษาขัดกัน เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้เสียให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้ทางเดินพิพาทเป็นส่วนสัดของโจทก์ทั้งสาม และทางเดินภาระจำยอมกับ ให้จำเลยรื้อถอนประตูสังกะสีออกไปจากทางเดินภาระจำยอม โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายด้วยตนเองทั้งสิ้นและ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ให้โจทก์ทั้งสามมีอำนาจรื้อถอนหรือให้บุคคลอื่นเป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยเป็น ผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนแทนโจทก์ทั้งสาม
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม ให้จำเลยรื้อถอนประตูไม้สังกะสีออกไปจากทางพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสามโดยกำหนดค่าทนายความให้ ๒,๐๐๐ บาท?
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ทั้งสาม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสาม จำเลย และบุคคลอื่นอีก ๔ คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๖๐ ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ในที่ดินดังกล่าวมีทางพิพาทผ่านกลางที่ดิน มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า มีการแบ่งแยกการครอบครองเป็นส่วนสัดระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมอันมีผลก่อให้เกิดสิทธิภาระจำยอมในทางพิพาทแล้วหรือไม่ จากคำเบิกความของโจทก์ทั้งสามไม่ปรากฏแน่ชัดว่าโจทก์ทั้งสาม ครอบครองที่ดินส่วนใด ทั้งในแผนที่วิวาทก็มิได้ระบุโดยแน่ชัดว่าโจทก์แต่ละคนครอบครองที่ดินส่วนใด นอกจากนั้นยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากทางนำสืบและในแผนที่วิวาทเลยว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น ๆ ครอบครองที่ดินบริเวณใด ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดที่ ๑๐๖๐ ได้มีการแบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัด ดังนั้น แม้โจทก์ทั้งสามจะใช้ทางพิพาทมานานเพียงใด ก็เป็นแต่เพียงการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิภาระจำยอมในทางพิพาทแต่อย่างใด ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อฟังว่าทางพิพาทไม่เป็นทางภาระจำยอมแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยถึงคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ว่ามีคำขอให้เป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ ตามที่จำเลยฎีกาอีกต่อไป ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยต่อไปมีว่า จำเลยมีสิทธิปิดกั้นทางเดินพิพาทหรือไม่ ปัญหานี้แม้จะฟังว่าทางเดินพิพาทมิใช่ทางภาระจำยอม แต่การที่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม คนหนึ่ง จำเลยมีสิทธิที่จะใช้ทางพิพาทได้ แต่การใช้นั้นต้องไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ๆ การที่จำเลยปิดกั้นทางเดินพิพาทย่อมเห็นได้ว่าเป็นการขัดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่งด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนประตูไม้สังกะสีซึ่งปิดกั้นทางพิพาทและให้เปิดทางพิพาทนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องการใช้สิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม แม้โจทก์ทั้งสามจะ ตั้งรูปเรื่องฟ้องคดีมาโดยอ้างว่าเป็นทางภาระจำยอมก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เป็นกรณีพิพาทระหว่าง เจ้าของรวม ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยรื้อถอนประตูไม้สังกะสีออกไปจากทางพิพาทนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ เห็นด้วยในผล พิพากษายืน โดยที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน คำพิพากษาจึงมีผลไม่ตรงกับการวินิจฉัยถือว่าคำวินิจฉัยและ คำพิพากษาขัดกัน ย่อมเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและ แก้เสียให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า คำขอเรื่องทางภาระจำยอมให้ยกเสียนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share