คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม่ม้าพิพาทเป็นม้าแข่งมาแต่เดิม แสดงว่าได้ใช้งานแล้วจึงอยู่ในบังคับที่ต้องให้ทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯ มาตรา 8(3) และเป็นสัตว์พาหนะตามมาตรา 4 ตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แม้จะซื้อแม่ม้าไปเพื่อผสมพันธุ์ มิได้ซื้อเพื่อเอาไปใช้ในการขับขี่หรือลากเข็นก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการซื้อขายต่อเจ้าพนักงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงซื้อม้าแข่งเพศตัวเมียซึ่งขณะนั้นมีลูกติดยังไม่หย่านมจากจำเลยที่ 1 ในราคา 10,000 บาท โดยวางมัดจำไว้ 8,000 บาท เดือนกันยายน 2521 โจทก์ชำระเงินที่เหลือ 2,000 บาทแล้วรับแม่ม้าไปจากจำเลยที่ 1 นำไปจ้างให้ผสมพันธุ์ แล้วนำแม่ม้าไปให้จำเลยที่ 1 เพื่อเลี้ยงลูกม้าของจำเลยที่ 1 จนกว่าจะหย่านม เมื่อลูกม้าของจำเลยที่ 1หย่านมแล้ว โจทก์ได้นำแม่ม้านี้ไปจ้างให้จำเลยที่ 2 เลี้ยง วันที่ 6 มกราคม 2522 จำเลยที่ 1 กับพวกไปแอบอ้างกับจำเลยที่ 2 ว่าโจทก์ให้ไปรับแม่ม้าคืน จำเลยที่ 2 ได้คืนแม่ม้าให้ไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และแจ้งให้โจทก์ทราบ ขณะนั้นแม่ม้ากำลังตั้งท้องและขณะฟ้องคดีแม่ม้าได้คลอดลูกแล้ว มีราคา 70,000 บาท โจทก์ติดต่อขอม้าคืนแต่จำเลยที่ 1 ไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ส่งมอบแม่ม้ามหาเทวีพร้อมทั้งลูกม้าให้แก่โจทก์ในสภาพที่เป็นปกติ หากส่งมอบไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน 80,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ทำละเมิดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า แม่ม้าและลูกม้าเป็นของนายประชา จำเลยที่ 1 นำแม่ม้าไปผสมพันธุ์ โจทก์ได้ขอซื้อแม่ม้าจากจำเลยที่ 1 จริง โจทก์วางมัดจำ 8,000 บาท ส่วนเงินอีก 2,000 บาทและค่าเลี้ยงอีกเดือนละ 700 บาท โจทก์จะชำระในวันที่รับแม่ม้าไป จำเลยที่ 1 แจ้งแก่โจทก์ว่า แม่ม้าเป็นของนายประชากำลังตั้งท้อง นายประชาจะขายหรือไม่ ไม่ทราบ โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 รับเงินไว้ก่อน ถ้านายประชาไม่ขายจะขอเงินคืน ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้ไปเอาแม่ม้าไปโดยหลอกคนเลี้ยงม้าว่าได้บอกจำเลยที่ 1 แล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 และนายประชามิได้รู้เห็นด้วย จำเลยที่ 1 ติดต่อบอกให้โจทก์นำแม่ม้าคืนแต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยที่ 1 จึงบอกเลิกสัญญาแล้วติดตามเอาแม่ม้าคืนจากจำเลยที่ 2 โดยนำหลักฐานคืนเงินแก่โจทก์มอบให้จำเลยที่ 2 ไว้ ลูกม้าราคาไม่เกิน 4,000 บาท สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า แม่ม้าเป็นของนายประชา นายประชาไม่ได้ขายให้โจทก์สัญญาซื้อขายทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นโมฆะ จำเลยที่ 2 รับเลี้ยงม้าจากโจทก์จริง โดยเข้าใจว่าโจทก์เป็นเจ้าของ จำเลยที่ 1 ติดตามเอาแม่ม้าคืนและได้ทำหลักฐานการรับให้ไว้ จำเลยที่ 2 ก็แจ้งให้โจทก์ทราบทันที ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบแม่ม้าพร้อมลูกม้าพิพาทแก่โจทก์ถ้าไม่สามารถส่งคืนได้ ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินค่าแม่ม้า 10,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยและให้ใช้ค่าลูกม้า 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าแม่ม้าตัวนี้เป็นม้าแข่งมาแต่เดิม ขณะเกิดเหตุพิพาทมีอายุ 20 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีตั๋วรูปพรรณหรือไม่ การซื้อขายแม่ม้ารายนี้ไม่มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มาตรา 8(3) บัญญัติว่า เมื่อสัตว์พาหนะใดดังต่อไปนี้ คือ ฯ สัตว์ใดได้ใช้งานแล้ว ต้องนำไปขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณฯ แม่ม้าตัวนี้เป็นม้าแข่งมาแต่เดิมแสดงว่าได้ใช้งานแล้ว จึงอยู่ในบังคับที่ต้องให้ทำตั๋วรูปพรรณ แม่ม้ารายนี้จึงเป็นสัตว์พาหนะตามความหมายของพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มาตรา 4 ตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ข้อที่โจทก์อ้างว่าซื้อแม่ม้าไปเพื่อผสมพันธุ์นั้นไม่เป็นเหตุให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการซื้อขายต่อเจ้าพนักงาน

พิพากษายืน

Share