แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลาโดยไม่ถูกต้อง โจทก์ฟ้องคดีใหม่โดยได้บอกเลิกสัญญาโดยชอบแล้วไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องซ้ำ จึงงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 210/2519 ของศาลชั้นต้นอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 หรือไม่ได้ความว่าคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า เมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าแล้วโจทก์ให้จำเลยอยู่ในห้องเช่าและเก็บค่าเช่า ถือว่าจำเลยทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 570 แต่การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ไม่ถูกต้อง ฟังไม่ได้ว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจากบ้านพิพาทโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าคดีก่อนศาลฟังว่ามีการเช่ากันจริงแต่โจทก์ยังมิได้บอกเลิกการเช่า จึงฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ ส่วนคดีนี้โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว จึงมาฟ้องขับไล่จำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าคดีทั้งสองมีข้อวินิจฉัยต่างกันดังกล่าว จึงมิใช่การรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ซึ่งไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1254/2516ระหว่างนางอรุณดี ชัชกุล โจทก์ พันตำรวจตรีสุกรี โมกขะวรรธนะ จำเลยฉะนั้นคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 210/2519 ของศาลชั้นต้น ดังจำเลยฎีกา”
พิพากษายืน