คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อไป สำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้อง ย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่า คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้อง ทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวน ดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี
จำเลยต่อสู้ว่า นางเหรียญจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ไปหมดแล้ว และในสัญญากู้ว่า ดอกเบี้ยติดตามกฎหมาย แต่โจทก์มาคิดร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงเกินไป
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้มีผลถึงจำเลยที่ ๑ – ๓ ด้วย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยต่อสู้ว่า ในสัญญากู้ว่าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมาย แต่โจทก์กลับคิดร้อยละ ๑๕ ต่อปี ดอกเบี้ยจึงเกินไป ๓,๐๐๐ บาท สำเนาสัญญาไม่ถูกต้อง ย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่า คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ ๑๕ ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้อง ทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวน ดอกเบี้ยตามกฎหมายที่ระบุในสัญญาดังที่จำเลยต่อสู้หมายความว่าร้อยละ ๗ ๑/๒ ต่อปี ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไปเสียก่อน
พิพากษายืน

Share