แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฟ้องขับไล่จากที่ดินและเรียกค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ระหว่างพิจารณาศาลใช้วิธีการชั่วคราวให้จำเลยวางเงินหรือหาหลักประกันความเสียหายของโจทก์ข้อนี้คู่ความฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228, 247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจากที่ดินเรียกค่าเสียหายแก่พืชและขาดประโยชน์ซึ่งหากให้เช่าก็ได้ค่าเช่าไร่ละ 500 บาทต่อปี จำเลยต่อสู้อ้างว่าเป็นของจำเลยและฟ้องแย้งให้แสดงสิทธิครอบครอง ศาลสั่งคำร้องขอคุ้มครองระหว่างพิจารณาของโจทก์ ให้จำเลยวางประกันค่าเสียหาย 30,000 บาท ให้โจทก์วางเงินประกันความเสียหายแก่จำเลย 1,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยวางหลักทรัพย์แทนเงิน 30,000 บาทได้ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยฎีกาว่า คำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ของโจทก์คิดค่าขาดประโยชน์โดยคำนวณเป็นค่าเช่า ที่โจทก์นำสืบถึงผลประโยชน์ในการปลูกต้นสัปปะรดนอกประเด็น จำนวนเงินที่กำหนดให้จำเลยนำมาวางสูงเกินไป ขอให้คิดเป็นค่าเช่าที่ดินพิพาทขณะยังว่างเปล่าไม่มีการปลูกต้นสัปปะรด และฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่จำเลยขอแถลงการณ์ด้วยวาจาเห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดีให้งด
ในการไต่สวนโจทก์นำสืบว่า จ่าศาลไปคำนวณผละประโยชน์ในที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ โดยสอบถามจากโจทก์และผู้มีอาชีพทำไร่สัปปะรด ได้ความต้องกันว่าเนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกต้นสัปปะรดได้ประมาณ 7,00 ต้น ใช้จ่ายไร่ละ5,000 บาท ระยะประมาณ 14 เดือนเก็บผลได้รายได้ต่อไร่ในการขายสัปปะรดประมาณ 2,000 บาท ซึ่งเป็นราคาปานกลาง
จำเลยนำสืบว่า เนื้อที่ดิน 1 ไร่ ปลูกต้นสัปปะรดได้ประมาณ 6,000 ต้นและต้นหนึ่งมีผลเดียว น้ำหนักเฉลี่ยผลละ 1 กิโลกรัม รับซื้อจากไร่กิโลกรัมละ80 สตางค์ ถึง 1 บาท เสียค่าใช้จ่ายประมาณไร่ละ 5,000 บาท หากจะเช่าที่ดินปลูก ราคาค่าเช่าไร่ละ 45 บาท
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์แก้ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกานั้น เห็นว่าเรื่องนี้จำเลยฎีกาคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ย่อมฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228, 247
กรณีนี้เป็นเรื่องพิพาทกันในชั้นขอให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณา ฟ้องของโจทก์เรียกเอาค่าเสียหายที่ไม่ได้รับประโยชน์จากที่พิพาทในระหว่างคดี และตามทางไต่สวนจำเลยใช้ที่พิพาทปลูกสัปปะรดได้ผลประโยชน์ฝ่ายเดียว การจะปลูกสัปปะรดในที่พิพาทขายหรือให้ผู้อื่นเช่าก็เป็นผลประโยชน์ที่ได้รับจากใช้ที่พิพาทด้วยกัน เมื่อคำนวณจากเหตุผลที่ปรากฏในการไต่สวนถึงประโยชน์ที่โจทก์จะได้รับจากที่พิพาทในระหว่างคดีและอาจใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไปได้ด้วย มีเนื้อที่ดิน 100 ไร่เศษ กับค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเป็นรายปี ๆ ละ 50,000 บาท นับแต่ปีที่ฟ้องไปจนกว่าจะเสร็จคดีแล้ว เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยให้จำเลยวางเงินจำนวนเดียว 30,000 บาท หรือจะหาหลักประกันก็ได้นั้น ไม่มีเหตุที่จะแก้ไขให้ลดลงอีก”
พิพากษายืน