คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา แม้ต่อมาโจทก์จะทิ้งฟ้องและศาลได้สั่งจำหน่ายคดีอันทำให้ไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปก็ตาม แต่ก็ยังมีตัวโจทก์ที่ยังคงเป็นจำเลยขอฟ้องแย้งอยู่ จึงมีคู่ความครบถ้วนทั้งสองฝ่ายที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์เมื่อเดือนเมษายน 2531จำเลยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยว
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โจทก์เอา ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาครอบทับที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่15 เมษายน 2531 โจทก์นำรถแทรกเตอร์มาไถที่ดินพิพาทและที่ดินที่อยู่ติดต่อกันของจำเลยอีก 10 ไร่ ทำให้ต้นยางพารา ของจำเลยเสียหายคิดเป็นเงิน 375,000 บาท จำเลยขอคิดค่าเสียหายเพียง 50,000บาท ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยห้ามเกี่ยวข้องในที่ดินของจำเลยต่อไป ให้โจทก์เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 50,000 บาท นับแต่วันยื่นคำให้การและฟ้องแย้งจนกว่าโจทก์จะชำระเงินให้จำเลยเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยปลูกต้นไม้ในที่ดินพิพาท โจทก์ไม่เคยโค่นต้นยางพารา ในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทเป็นที่ว่างเปล่า ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าที่พิพาทมีราคา 80,000 บาท ซึ่งจะต้องเสียค่าขึ้นศาล 2,000 บาท โจทก์เสียมาเพียง 400 บาท จึงขาดอยู่อีก 1,600 บาท ให้โจทก์นำเงินส่วนที่ขาดมาวางศาลภายในวันที่ 8 กันยายน 2531 มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์ไม่นำเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่ขาดมาวางศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนค่าขึ้นศาลตามฟ้องแย้งให้จำเลยทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องโดยไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา179 วรรคท้าย ให้สิทธิจำเลยที่จะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ ถ้าฟ้องแย้งนั้นเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ คดีนี้จำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าที่พิพาทมิใช่ของโจทก์แต่เป็นของจำเลยขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ศาลชั้นต้นจึงสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา แม้ต่อมาโจทก์จะทิ้งฟ้องและศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายคดีอันทำให้ไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปก็ตาม แต่ก็ยังมีตัวโจทก์ที่ยังคงเป็นจำเลยของฟ้องแย้งอยู่ต่อไป จึงมีคู่ความครบถ้วนทั้งสองฝ่ายที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์แต่ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปและมีคำพิพากษาตามรูปคดี นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share