คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5161/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในคดีที่โจทก์ถูกจับฐานพกอาวุธปืนและเพื่อใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างโจทก์จำเลยและบุตรมิใช่เกิดขึ้นเพราะจำเลยนำไปเล่นสลากกินรวบดังที่โจทก์อ้างการกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2) การที่จำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์และบุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึงนั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรงเพราะเป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจการกระทำของจำเลยต่อโจทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์เป็นผู้ก่อขึ้นถือว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสามีภริยาทั่วไปไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(3) หลังจากทำทัณฑ์บนแล้วโจทก์ยังมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจำเลยจึงดุด่าและทำร้ายโจทก์อีกการกระทำของจำเลยมีสาเหตุจากการกระทำของโจทก์จึงยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดทัณฑ์บนที่ให้ไว้อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(8)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า โจทก์ จดทะเบียนสมรส กับ จำเลยมี บุตร 1 คน เมื่อ ต้น ปี 2534 จำเลย เริ่ม ประพฤติ ตน ไม่สมควร โดย กู้เงินบุคคลอื่น หลาย ราย รวมเป็น เงิน 160,000 บาท แล้ว ไม่ชำระ เจ้าหนี้ดังกล่าว ทวงถาม จาก โจทก์ โจทก์ ได้รับ ความ อับอายขายหน้า อย่างร้ายแรงต้อง ใช้ หนี้ ทั้งหมด แทน จำเลย นอกจาก นี้ เมื่อ ต้น เดือน มีนาคม 2535จำเลย ได้ ฉีก ทำลาย เสื้อผ้า ของ โจทก์ ใช้ ข้าว ของ ขว้างปา ทำร้าย โจทก์กับ หมิ่นประมาท โจทก์ และ บุพการี ของ โจทก์ โจทก์ ทน อยู่กิน กับ จำเลยไม่ได้ ต้อง ไป อาศัย อยู่ กับ เพื่อน จำเลย ก็ ใส่ความ ว่า โจทก์ ไป ติดพันหญิง อื่น ครั้น โจทก์ กลับ บ้าน จำเลย ก็ อาละวาด ด่า ทอ และ ใช้ มีด ขู่ บังคับมิให้ โจทก์ ออกจาก บ้าน โจทก์ จึง ไป ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวนเมื่อ วันที่ 25 มีนาคม 2535 จำเลย ได้ ทำ ทัณฑ์บน ต่อ โจทก์ ว่าจะ ไม่ ประพฤติ เช่นนั้น อีก แต่ จำเลย ก็ ประพฤติ ผิด ทัณฑ์บน ขอให้ พิพากษาให้ จำเลย ไป จดทะเบียน หย่า กับ โจทก์ หาก ไม่ไป ก็ ขอให้ ถือเอา คำพิพากษาเป็น การแสดง เจตนา แทน
จำเลย ให้การ ว่า เมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม 2522 โจทก์ ถูกจับ กุมเรื่อง มี อาวุธปืน และ อ้างว่า ต้อง เสีย ค่าใช้จ่าย 50,000 บาท ให้ จำเลยหา เงิน ให้ ด้วย จำเลย ต้อง ไป กู้เงิน จาก บุคคลอื่น เสีย ดอกเบี้ยใน อัตรา สูง เป็น ค่าใช้จ่าย ดังกล่าว แต่ โจทก์ กลับ เที่ยวเตร่ ดื่ม สุราจำเลย ต้อง รับ ภาระ อุปการะ เลี้ยงดู และ ให้การ ศึกษา บุตร แต่เพียง ผู้เดียวจึง ต้อง กู้เงิน เพิ่ม รวมเป็น เงิน ทั้งสิ้น 160,000 บาท ครั้น ประมาณเดือน มกราคม 2535 โจทก์ ไป มี ความ สัมพันธ์ ทาง ชู้สาว กับ นางสาว อารีย์ เมื่อ จำเลย ทราบ และ ห้ามปราม โจทก์ ก็ แสดง กิริยา เกรี้ยวกราด และ ไม่ยอมกลับ บ้าน จำเลย ไม่เคย ทำร้าย หรือ ทรมาน ร่างกาย หรือ จิตใจ โจทก์ไม่เคย หมิ่นประมาท โจทก์ และ บุพการี ของ โจทก์ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่าโจทก์ จดทะเบียนสมรส กับ จำเลย เมื่อ วันที่ 13 พฤษภาคม 2514 ตาม ใบ สำคัญการ สมรส เอกสาร หมาย จ. 1 มี บุตร ด้วยกัน 1 คน คือ นางสาว ญ. ซึ่ง ขณะ ฟ้อง มี อายุ 21 ปี โจทก์ รับ ราชการ เป็น ลูกจ้างประจำ โครงการก่อสร้าง ทาง ชลประทาน ที่ 2 อำเภอ สามชุก จังหวัด สุพรรณบุรี จำเลย รับ ราชการ ครู ที่ จังหวัด ชัยนาท ต่อมา โจทก์ และ จำเลย มี เรื่องทะเลาะ กัน และ ทำร้ายร่างกาย กัน
ประเด็น ที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา โจทก์ มี ว่า การกระทำ ของ จำเลยถือ เป็นเหตุ ให้ ฟ้อง หย่า ได้ แล้ว หรือไม่ โจทก์ ฎีกา ใน ข้อ แรก ว่าจำเลย ประพฤติชั่ว โดย จำเลย กู้ยืม เงิน คนอื่น หลาย คน เป็น จำนวน มากรวม แล้ว ประมาณ 160,000 บาท โดย กู้ มา เล่น สลากกินรวบ แล้ว ไม่ชำระ ให้จน ผู้ให้กู้ มา ทวง จาก โจทก์ และ โจทก์ ต้อง ชำระ แทน ไป ทำให้ โจทก์ได้รับ ความ อับอายขายหน้า อย่างร้ายแรง ถูก ดูถูก เกลียดชัง และ ได้รับความ เดือดร้อน เห็นว่า เหตุ ที่ จำเลย ไป กู้เงิน คนอื่น มา เช่น ตามหนังสือ สัญญากู้ยืม เงิน เอกสาร หมาย จ. 2 เมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม 2533หมาย จ. 5 เมื่อ วันที่ 1 พฤษภาคม 2534 และ หมาย จ. 7 เมื่อ วันที่1 มีนาคม 2531 รวม 160,000 บาท นั้น ล้วน แต่ เป็น การ กู้ยืม หลังจากวันที่ 10 ตุลาคม 2522 ซึ่ง โจทก์ มี หนังสือ ถึง จำเลย ตาม เอกสาร หมาย ล. 1ที่ โจทก์ ถูกจับ ฐาน พก อาวุธปืน และ ศาล พิพากษา ลงโทษ ปรับ 2,000 บาทโดย ใน เอกสาร หมาย ล. 1 โจทก์ ให้ จำเลย ช่วย เรื่อง การ ประกันตัว นั้นจึง น่าเชื่อ ว่า จำเลย ได้ ไป กู้ยืม เงิน คนอื่น มา เพื่อ ใช้ จ่าย ใน คดี นี้ซึ่ง จำเลย ได้ เบิกความ ประกอบ เอกสาร หมาย ล. 1 ว่า จำเลย ต้อง เสียค่าใช้จ่าย ใน การ วิ่งเต้น จำนวน 58,000 บาท โดย เงิน จำนวน นี้ ได้ ยืมคนอื่น 30,000 บาท ทำให้ ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น เรื่อย มา และ ต่อมา โจทก์ได้ ให้ จำเลย ลงชื่อ ใน หนังสือ สัญญากู้ยืม เงิน เอกสาร หมาย จ. 2 จ. 5และ จ. 7 ไว้ นอกจาก นั้น เมื่อ นางสาว ญ. เริ่ม เรียน หนังสือ สูง ขึ้น ก็ มีค่า ใช้ จ่าย ใน การศึกษา เล่าเรียน สูง ขึ้น จำเลย คง ได้ กู้ยืม เงินคนอื่น มา ใช้ จ่าย สำหรับ การศึกษา ของ นางสาว ญ. ด้วย ดัง ที่ จำเลย ได้ ระบาย ความใน ใจ ให้ นาย คนึง นาคเถื่อน ฟัง ใน จดหมาย เอกสาร หมาย จ. 4ลงวันที่ 30 เมษายน 2534 ว่า ได้ กู้เงิน มา เพื่อ ให้ บุตร เรียน หนังสือและ มี แต่ จำเลย เป็น ฝ่าย ให้ สามี จำเลย ไม่เคย ได้รับ อะไร จาก สามีและ ใน จดหมาย เอกสาร หมาย จ. 8 ก็ ระบุ กู้ยืม เงิน มา เพื่อ การศึกษา ของ บุตรเป็นต้น หนี้สิน ทั้งหมด จึง เกิดจาก การ นำ มา ใช้ จ่าย ใน ครอบครัว ระหว่างโจทก์ จำเลย และ บุตร มิใช่ เกิดขึ้น เพราะ จำเลย นำ ไป เล่น สลากกินรวบดัง ที่ โจทก์ กล่าวอ้าง การกระทำ ของ จำเลย ยัง ไม่ ถือว่า เป็น การประพฤติชั่ว
โจทก์ ฎีกา ใน ข้อ ที่ 2 ว่า จำเลย ดุด่า เหยียดหยาม หมิ่นประมาทโจทก์ และ บุพการี ของ โจทก์ และ จำเลย ทำร้ายร่างกาย โจทก์ อย่างร้ายแรงโดย จำเลย ฉีก เสื้อผ้า โจทก์ ด่า ว่า โจทก์ และ หมิ่นประมาท โจทก์ และผู้ บุพการี ของ โจทก์ ต่อหน้า บุคคลอื่น ๆ และ ใช้ กรรไกร ทำร้าย โจทก์จน โจทก์ ต้อง หนี ไป อยู่ กับ เพื่อน แล้ว ไป แจ้งความ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 15 ถึง จ. 17 เห็นว่า ที่ จำเลย กระทำ ต่อ โจทก์เช่นนั้น ก็ เพราะ จำเลย หึงหวง และ โกรธ ที่ โจทก์ หนี ไป มี ความ สัมพันธ์ทาง ชู้สาว กับ หญิง อื่น ดัง ปรากฏ อยู่ ใน เอกสาร หมาย ล. 2 และ ล. 3 นั้นซึ่ง นางสาว ญ. ได้ เบิกความ ว่า จำเลย โกรธ โจทก์ เพราะ โจทก์ ไป มี ความ สัมพันธ์ ทาง ชู้สาว กับ หญิง อื่น และ ที่ โจทก์ อ้างว่า จำเลย ด่า โจทก์และ บุพการี ว่า มึง มัน เลว เหมือน โคตร มึง โจทก์ ก็ ยอมรับ ว่า จำเลยด่า โจทก์ เพราะ หา ว่า โจทก์ ไป ติดพัน นางสาว อารีย์ หาก ถ้อยคำ ดังกล่าว เป็น ความจริง ก็ ไม่เป็น การ หมิ่นประมาท โจทก์ หรือ บุพการี ของ โจทก์เป็น การ ร้ายแรง เพราะ เป็น เพียง ถ้อยคำ ที่ จำเลย กล่าว ด้วย ความ น้อยใจการกระทำ ของ จำเลย ต่อ โจทก์ ดังกล่าว เกิดขึ้น เพราะ ฝ่าย โจทก์ เป็นผู้ ก่อ ขึ้น ถือว่า เป็น เรื่อง กระทบ กระทั่ง กัน ระหว่าง สามี ภริยา ทั่วไปไม่ ร้ายแรง ถึง กับ เป็นเหตุ ฟ้อง หย่า ได้
โจทก์ ฎีกา ใน ข้อ สุดท้าย ว่า จำเลย ประพฤติ ผิด ทัณฑ์บน เรื่องความประพฤติ ที่ ทำให้ ไว้ ตาม บันทึก การ แจ้งความ เอกสาร หมาย จ. 16และ จ. 17 โดย หลังจาก ทำ เอกสาร หมาย จ. 16 และ จ. 17 แล้ว จำเลย ยังทำการ ด่า ทอ และ ทำร้าย โจทก์ อยู่ อีก เห็นว่า หลังจาก ที่ มี การ ทำ บันทึกการ แจ้งความ ลงวันที่ 25 มีนาคม 2535 และ วันที่ 7 เมษายน 2535ตาม เอกสาร หมาย จ. 16 และ จ. 17 ตามลำดับ แล้ว ปรากฏว่า มี บันทึก ข้อความใน เอกสาร หมาย ล. 3 ลงวันที่ 15 เมษายน 2535 ว่า ฝ่าย หญิง ที่ อ้างว่ามี ความ สัมพันธ์ ทาง ชู้สาว กับ โจทก์ จะ เลิก ประพฤติ ปฏิบัติ ไม่มีความ สัมพันธ์ กับ โจทก์ อีก โดย เอกสาร นี้ โจทก์ มิได้ คัดค้าน ว่าไม่ จริง อย่างไร จึง แสดง ว่า หลังจาก ทำ บันทึก เอกสาร หมาย จ. 16 และจ. 17 แล้ว โจทก์ ก็ ยัง ไป มี ความ สัมพันธ์ ทาง ชู้สาว กับ ผู้หญิง คน นั้นอยู่ อีก จำเลย จึง ได้ ดุด่า และ ทำร้าย โจทก์ อีก การกระทำ ของ จำเลยจึง มี สาเหตุ มาจาก การกระทำ ของ โจทก์ อีก เช่นกัน การกระทำ ของ จำเลยจึง ยัง ไม่ ถือว่า เป็น การ ประพฤติ ผิด ทัณฑ์บน ที่ ให้ ไว้ ตาม บันทึกเอกสาร หมาย จ. 16 และ จ. 17 การกระทำ ทั้งหมด ของ จำเลย ตาม ที่ โจทก์กล่าวอ้าง ใน ฎีกา จึง ยัง ไม่เป็นเหตุ ฟ้อง หย่า ตาม ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 1516(2)(3) และ (8) ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษายกฟ้อง โจทก์ นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share