คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากศาลมีคำสั่งตามคำร้องย่อมมีผลทำให้ศาลต้องหยิบยกปัญหาในเรื่องหนี้ของจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่ จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์ของจำเลยที่ 2 อำนาจในการฟ้องร้องต่อสู้คดีของจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงอยู่กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) จำเลยที่ 2จึงไม่มีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ และจำเลยที่ 2 ได้รับที่จะชดใช้ให้ตามหนังสือรับสภาพหนี้
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ในวันนัดไต่สวนคำขอพิจารณาใหม่ จำเลยที่ 2 แถลงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างที่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดและจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอพิจารณาใหม่ในคดีล้มละลายนั้นด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงไม่มีอำนาจมาร้องขอพิจารณาใหม่ ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากศาลมีคำสั่งตามคำร้องย่อมมีผลทำให้ศาลต้องหยิบยกปัญหาในเรื่องหนี้ของจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์ของจำเลยที่ 2 อำนาจในการฟ้องร้องต่อสู้คดีของจำเลยที่ 2 จึงอยู่กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้เดียว ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22(3) ดังกล่าวจำเลยที่ 2 หามีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share