แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้หนังสือสัญญาเช่าจะมีระบุไว้แล้วว่าผู้เช่าเช่าไปเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ ก็ตาม ถ้าหากผู้เช่าใช้สถานที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นโดยฝ่ายผู้ให้เช่ามิได้ทักท้วงว่ากล่าว ก็เป็นการยินยอมให้ใช้สถานที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นได้ ฉะนั้นผู้เช่าย่อมนำสืบข้อเท็จจริงที่ได้ปฏิบัติมาต่อกันได้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร อันต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 94
ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ จำเลยให้การว่าเช่าเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ตามคำให้การดังกล่าวเป็นคำให้การที่เข้าอยู่ในข่าย พ.ร.บ.ควบคุมการเช่า ฯ แล้วการนำสืบและคำวินิจฉัยของศาลที่เป็นไปในทางที่ว่า การเช่าของจำเลยอยู่ในความควบคุมตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ จึงไม่เป็นการนอกประเด็น
ย่อยาว
คดี ๓ สำนวนนี้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่นายยู่ฮะจำเลย ส่วนสำนวนนายโชติ นางลั้ง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ และนายยู่ฮะ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าสัญญาเช่าระบุว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าส่วนใหญ่ จำเลยจะนำสืบว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นส่วนใหญ่ได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หนังสือสัญญาเช่ามีระบุไว้ดังข้อฎีกาของโจทก์ก็ตามถ้าหากผู้เช่าใช้สถานที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นโดยฝ่ายผู้ให้เช่ามิได้ทักท้วงว่ากล่าว ก็เป็นการยินยอมให้ใช้สถานที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นได้ ฉะนั้นจำเลยจึงนำสืบถึงข้อเท็จจริงที่ได้ปฏิบัติมาต่อกันได้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔
ในคดีที่นางลั้งเป็นจำเลย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ จำเลยให้การว่าเช่าเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ดังนี้ เป็นคำให้การที่เข้าอยู่ในข่าย พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แล้ว การนำสืบและคำวินิจฉัยของศาลที่เป็นไปในทางว่า การเช่าของจำเลยอยู่ในความควบคุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ จึงไม่เป็นการนอกประเด็นฯลฯ
จึงพิพากษายืน