คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782-783/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้การกู้ยืมเงินนั้น ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระเงิน หนี้นั้นก็เป็นอันระงับไปตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 321
ผู้ให้กู้ยอมรับเอาข้าวจำนวนหนึ่งเป็นการชำระหนี้เงินกู้ แล้วบิดพลิ้วไม่คืนหนังสือสัญญากู้และค้ำประกันให้ผู้กู้ ดังนี้ ผู้ค้ำประกันมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับผู้ให้กู้คืนหนังสือสัญญากู้และค้ำประกันได้ และศาลรับฟังคำพยานบุคคลที่ลูกหนี้นำสืบได้

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้เป็นเรื่องเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา สำนวนแรกนายน่วมฟ้องว่านางจันยืมข้าวเปลือกของนายต้าไป ๑ เกวียน ๕๐ ถัง มีข้อตกลงกันว่าเมื่อชำระคืน ต้องชำระข้าวเปลือกให้นายต้า ๓ เกวียนราคา ๓๐๐๐ บาท นายน่วมเป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมานายน่วมและนางจันได้จัดการนำข้าวเปลือก ๓ เกวียนไปชำระให้นายต้า ๆ รับไว้ถูกต้องแล้ว แต่ไม่คืนหนังสือกูให้ จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่านายน่วมและนางจันได้ชำระหนี้เงินรายนี้แล้วให้นายต้าคืนสัญญากู้หรือทำหลักฐานในการชำระหนี้ให้นายน่วม
นายต้าให้การว่า นางจัน นายน่วมยังไม่ได้ชำระหนี้และนายต้าได้เป็นโจทก์ฟ้องเรียกให้นางจันนายน่วมใช้เงิน ๓๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นางส้มจันนายน่วมชำระหนี้แล้วให้นายต้าคืนสัญญากู้ให้นายน่วม และให้ยกฟ้องนายต้าเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องนายน่วม ให้นางส้มจันใช้เงิน ๓๐๐๐ บาท ให้นายต้า ถ้าไม่ชำระก็ให้เอาชำระจากนายน่วม
นายน่วมฎีกาขึ้นมาทั้ง ๒ สำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้รายนี้เป็นหนี้การกู้ยืมเงินตามที่คู่สัญญาได้แปลงหนี้เดิมมาทำเป็นหนังสือกู้ยืมกันไว้ แต่การชำระหนี้นั้นถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว หนี้นั้นก็เป็นอันระงับไปตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๓๒๑
คดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้แน่นอนว่านายต้าได้รับเอาข้าว ๓ เกวียนชำระแทนเงินกู้ ๓๐๐๐ บาท แล้วบิดพลิ้วไม่คืนหนังสือสัญญากู้ และค้ำประกันให้จริง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายต้าคืนสัญญากู้และค้ำประกันให้นายน่วม และยกฟ้องนายต้านั้นเป็นการชอบด้วยก
คดีจึงพิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share