คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ฟ้องโจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยได้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่เมื่อตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงเป็นเพียงกรณีที่แตกต่างกันใน รายละเอียดระหว่างฐานความผิด เมื่อจำเลยไม่หลงต่อสู้ศาลย่อมมีอำนาจ ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ คนตายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทมาก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 80, 91, 32, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และสั่งริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้อง ให้การปฏิเสธในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฆ่าผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 291, 371การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือนความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อันเป็นบทหนักจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพคงจำคุก 6 เดือน ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นอันตรายแก่กาย จำคุก 1 ปี และความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 2 ปี6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 8 เดือน รวมความผิด4 กระทง เป็นจำคุก 2 ปี 2 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาประการสุดท้ายว่า โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องมาข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้อง ศาลจะลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่ได้ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม บัญญัติว่า “ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่นเกี่ยวกับเวลาหรือสถานที่กระทำความผิดหรือต่างกันระหว่างการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับของโจร และทำให้เสียทรัพย์ หรือต่างกันระหว่างการกระทำผิดโดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ”ดังนี้จะเห็นได้ว่า แม้ฟ้องโจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยได้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่เมื่อตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายได้ แม้จะไม่ได้บรรยายฟ้องมา ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้แต่ประการใด
พิพากษายืน

Share