คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของจำเลยและในช่วงเวลาที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่โชว์รูม ของจำเลยรถจักรยานยนต์ 1 คัน ของ ก. พนักงานของจำเลยซึ่งก.เช่าซื้อมาและจอดไว้ที่บริเวณหน้าโชว์รูม ดังกล่าวได้หายไปต่อมาโจทก์มีหนังสือชี้แจงแก่จำเลยว่าโจทก์ไม่อาจชดใช้ค่ารถจักรยานยนต์ให้ได้เนื่องจากเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพนักงานจำเลย และมิได้เก็บไว้ในสถานที่แน่นหนา หรือได้แจ้งส่งมอบโดยลงบันทึกในสมุดรายงานประจำวันของพนักงานรักษาความปลอดภัยตามเงื่อนไขในสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย จากนั้นโจทก์และจำเลยบอกเลิกสัญญาต่อกัน โดยจำเลยไม่ได้ชำระค่าจ้างก่อนบอกเลิกสัญญาให้โจทก์ การที่โจทก์ได้โต้แย้งจำเลยว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดชดใช้ราคารถจักรยานยนต์ดังกล่าวแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของ ก.ที่หายไป จึงเป็นสิทธิเรียกร้องซึ่งยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยผู้ว่าจ้างจึงไม่อาจเอามาหักกลบลบหนี้กับค่าจ้างค้างจ่ายต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344และจำเลยมิได้ฟ้องแย้งให้โจทก์รับผิดตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย ศาลจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของ ก. ที่หายไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องฟ้องร้องกันเป็นคดีต่างหาก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ส่งพนักงานรักษาความปลอดภัย(ยาม) ไปทำหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของจำเลย ต่อมาโจทก์และจำเลยบอกเลิกสัญญาว่าจ้างต่อกัน ปรากฏว่าจำเลยค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์เป็นเงิน 78,820.48 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน78,820.48 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเนื่องจากพนักงานของโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ทำให้รถจักรยานยนต์ของพนักงานของจำเลยซึ่งเช่าซื้อจากร้าน ส.พัฒนายนต์ในราคา63,000 บาท ที่จอดไว้ในบริเวณหน้าที่ทำการของจำเลยอันเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของโจทก์หายไป โจทก์จึงมีหน้าที่ชำระค่าเสียหายคือค่ารถจักรยานยนต์แก่จำเลยตามสัญญา จำเลยขอใช้สิทธินำค่าเสียหายจำนวน 63,000 บาท หักกลบลบหนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน78,820.48 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่1 มีนาคม 2537 จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของจำเลยค่าจ้างเดือนละ 40,660 บาท ครั้นวันที่17 กรกฎาคม 2538 เวลาประมาณ 3 นาฬิกา อันเป็นช่วงเวลาที่นายอำนวย สายหอมมูล พนักงานรักษาความปลอดภัยของโจทก์ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่โชว์รูมของจำเลยปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ 1 คัน ของนายเกรียงไกร อาลักขิตพนักงานของจำเลยซึ่งจอดไว้ที่บริเวณหน้าโชว์รูมดังกล่าวหายไปรถคันดังกล่าวนายเกรียงไกรเช่าซื้อมาก่อนเกิดเหตุ 1 เดือนเศษในราคา 63,000 บาท ต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม 2538โจทก์มีหนังสือชี้แจงแก่จำเลยว่าโจทก์ไม่อาจชดใช้ค่ารถจักรยานยนต์ให้ได้เนื่องจากเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพนักงานจำเลย และมิได้เก็บไว้ในสถานที่แน่นหนาหรือได้แจ้งส่งมอบโดยลงบันทึกในสมุดรายงานประจำวันของพนักงานรักษาความปลอดภัยตามเงื่อนไขในสัญญาว่าจ้าง จากนั้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2538 โจทก์และจำเลยบอกเลิกสัญญาต่อกัน จำเลยไม่ยอมชำระค่าจ้างก่อนบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 78,820.48 บาท ให้โจทก์
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยจะเอาเงินค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของนายเกรียงไกรมาหักกลบลบหนี้กับเงินค่าจ้างของโจทก์ได้หรือไม่ เห็นว่า หลังจากรถจักรยานยนต์ของนายเกรียงไกรหายไป โจทก์ได้โต้แย้งจำเลยว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดชดใช้ราคารถจักรยานยนต์ดังกล่าว เนื่องจากไม่ตรงตามเงื่อนไขในสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย ข้อ 7.2ซึ่งระบุว่า ทรัพย์สินที่สูญหายนั้นต้องเป็นของจำเลย หรืออยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย และต้องเก็บไว้ในสถานที่แน่นหนาปิดหน้าต่างใส่กลอน ปิดประตูใส่กุญแจเรียบร้อย ถ้าเก็บไว้นอกสถานที่เก็บดังกล่าวจะต้องส่งมอบโดยลงบันทึกในสมุดรายงานประจำวันของพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย สิทธิเรียกร้องค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของนายเกรียงไกร ที่หายไปนั้นจึงเป็นสิทธิเรียกร้องซึ่งยังมีข้อต่อสู้อยู่ ไม่อาจเอามาหักกลบลบหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344เมื่อการหักกลบลบหนี้ต้องห้ามตามกฎหมาย และจำเลยมิได้ฟ้องแย้งให้โจทก์รับผิดตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย ศาลจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของนายเกรียงไกรที่หายไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องฟ้องร้องกันเป็นคดีต่างหาก
พิพากษายืน

Share