คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวนดังนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสารเป็นการพิจารณาผิดระเบียบจำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบและก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับใช้เงินกู้และดอกเบี้ยรวม 20,250 บาท

จำเลยให้การว่า ไม่ได้กู้และทำสัญญากู้ให้โจทก์ สัญญากู้ตามฟ้องเป็นสัญญาปลอม ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายไว้ว่าการที่โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา และศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวน เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสาร เป็นการพิจารณาผิดระเบียบ จำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบ และก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้ นอกจากนี้ได้ความว่า โจทก์รับรองว่าเอกสารฉบับนี้เป็นสัญญากู้ที่ถูกต้อง จำเลยได้ดูเอกสารฉบับนี้ก็รับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้เป็นของจำเลย คงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์และสัญญากู้เป็นสัญญาปลอม ในข้อที่ว่าจะมีการกู้กันจริงหรือไม่ต้องฟังจากคำพยานและหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคลอย่างใด ส่วนข้อเท็จจริงนั้นศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริง

พิพากษายืน

Share