คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงขู่ การใช้ปืนยิงขู่ก็เป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้าย และทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยได้ใช้ปืน ทั้งยิงขู่และยิงจริง เข้าลักษณะปล้นสมฟ้องแล้ว
จำเลยกับพวกได้มาร่วมมือกันใช้ปืนทั้งยิงขู่และยิงจริงโดยจำเลยมิได้แก้ตัวว่าได้เจตนากระทำเพื่ออะไร และทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าเพื่อเหตุอื่นใด จึงต้องฟังตามกรรมของจำเลยว่าได้สมคบกันมาปล้น แม้ในเบื้องต้นมิได้มีเจตนาสมคบกันมาปล้น แต่ในภายหลังได้ร่วมมือกันทำการปล้นแล้ว ก็ต้องมีความผิดฐานปล้น
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยได้ทำให้คนตายในการปล้น แต่ได้แยกการฆ่านั้นไว้อีกกะทงหนึ่งต่างหากต่างกรรม ต่างวาระกันทำให้คนตาย ให้ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยเพียงฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 301 ตอนต้นเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยได้สมคบกับพวกกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกะทง ต่างกรรมต่างวาระคือ
๑. จำเลยได้สมคบกับพวกปล้นทรัพย์ของนายอ่อนสี นายสุบิน นายซิงงี้
๒. ในวันเวลาเดียวกับข้อ ๑ จำเลยกับพวกได้สมคบกันใช้อาวุธปืนยาวยิงนายลุน ถึงแก่ความตาย
๓. ในวันเวลาเดียวกับข้อ ๑ จำเลยได้สมคบกันวางเพลิงจุดเผาโรงเรือนและทรัพย์ของนายน้อย นายกัณหา นายมักจิง เสียหาย ๔๔๓๗ บาท ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดฐานปล้นทรัพย์ และทำให้นายลุนตายในขณะร่วมมือกันทำผิด ให้จำคุกจำเลยทั้งสามไว้ตลอดชีวิต ในระหว่างอุทธรณ์นายพูนจำเลยตาย คดีฉะเพาะตัวนายพูนจึงระงับไป ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในข้อหาฐานปล้นนั้นโจทก์ระบุเหตุประกอบแต่เพียงจำเลยใช้ปืนยิงขู่เจ้าทรัพย์เท่านั้น หาได้กล่าวถึงการใช้กำลังหรือพูดขู่เข็ญอย่างอื่นด้วยไม่ จึงไม่ต้องวินิจฉัยถึง ทั้งข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกันทำการปล้นทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ว่านายทองอยู่จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๕ ให้จำคุก ๗ ปี ยกฟ้องนายไปล่จำเลย
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ศาลอุทธรณ์ตำหนิฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานปล้นว่า ระบุเหตุประกอบแต่เพียงว่า ได้ใช้ปืนยิงขู่ หาได้กล่าวถึงการใช้กำลัง หรือพูดขู่เข็ญอย่างอื่นไม่นั้นเห็นว่า การใช้ปืนยิงขู่ ก็เป็นการขู่ว่าจะทำร้าย และทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยใช้ปืนทั้งยิงขู่ และยิงจริง เข้าลักษณะปล้นแล้ว ส่วนที่ว่าจะมีการสมคบหรือไม่นั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยกับพวกได้มาร่วมมือกันกระทำการดังกล่าวแล้ว โดยจำเลยมิได้แก้ตัวว่า ได้เจตนากระทำเพื่ออะไร และทางพิจารณาก็ไม่ได้ความว่าเพื่อเหตุอื่นใด จึงต้องฟังตามกรรมของจำเลยว่าได้สมคบกันมาปล้น ข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่า นายไปล่จำเลยได้สมคบกับนายทองอยู่จำเลยกระทำผิดรายนี้ด้วย
อนึ่ง ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวหาว่า ได้ทำให้นายลุนตายในการปล้นทรัพย์ แต่ได้แยกการฆ่านั้นไว้อีกกะทงหนึ่งต่างหาก ต่างกรรมต่างวาระกัน ในชั้นนี้ควรลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์
พิพากษาแก้ให้จำคุกนายทองอยู่จำเลย ๑๕ ปี นายไปล่จำเลย ๑๒ ปี ตามบทกฎหมายดังกล่าว นอกนั้นยืนตาม

Share