คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7351/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้ตรวจนับเงินที่พลตำรวจ ส. จะใช้ซื้อ เมทแอมเฟตามีน ก่อนจะโทรศัพท์บอกให้จำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบ กับได้ตกลงขายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยที่ 2 และที่ 3นำมาให้แก่พลตำรวจ ส. แม้พลตำรวจ ส. จะยังมิได้ชำระเงินแก่จำเลยที่ 1แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสอง), 66 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 30 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 15 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 25 ปีจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 12 ปี6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1ในข้อแรกว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ นอกจากโจทก์มีพลตำรวจสมพงษ์ ทับประสิทธิ์ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความยืนยันการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางว่า เมื่อได้ร่วมวางแผนกับพันตำรวจตรีเรวัต เฮงจำรัส และพวกแล้วพยานกับสายลับได้ไปติดต่อขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ขณะไปเยี่ยมอาการป่วยของหลานที่โรงพยาบาลด่านช้าง โดยสายลับเป็นผู้ติดต่อและแนะนำพยานแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ขอดูและตรวจนับเงินที่พยานจะใช้ซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 90,000 บาท ก่อนจะโทรศัพท์บอกให้จำเลยที่ 2 นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้พยานและยังยืนยันถึงเหตุการณ์ตอนส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางว่า เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ขับรถจักรยานยนต์นำเมทแอมเฟตามีนมายังที่นัดหมายในบริเวณโรงพยาบาลด่านช้างแล้วได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางกันในรถยนต์กระบะของพยาน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปนั่งที่เบาะด้านหน้าคู่กับพยาน ส่วนจำเลยที่ 2และที่ 3 ยืนอยู่บริเวณท้ายรถเมื่อจำเลยที่ 1 บอกแก่จำเลยที่ 2 ว่า จำนวนเงินที่พยานจะมอบให้ถูกต้องให้นำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในรถได้ จำเลยที่ 3จึงมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งอยู่ในหมวกไหมพรมแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบต่อให้พยานแล้ว โจทก์ยังมีพันตำรวจตรีเรวัตเป็นพยานเบิกความถึงการวางแผนให้พลตำรวจสมพงษ์กับสายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ที่โรงพยาบาลด่านช้าง และพยานกับพวกได้แอบซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ในบริเวณโรงพยาบาลดังกล่าว จนกระทั่งพลตำรวจสมพงษ์แจ้งทางวิทยุว่ากำลังจะมีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนกันแล้ว พยานจึงเดินไปยังทางเดินของอาคาร 4 เห็นจำเลยที่ 1 กับพลตำรวจสมพงษ์นั่งอยู่ด้วยกันในรถยนต์กระบะส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยืนอยู่ข้างรถ ต่อมา 2 ถึง 3 นาทีได้ยินพลตำรวจสมพงษ์พูดผ่านวิทยุสื่อสารว่า ของคุณภาพดีครบจำนวนซึ่งเป็นสัญญาณว่าให้เข้าจับกุมพยานกับพวกจึงเข้าไปจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ขณะอยู่ในรถคันดังกล่าวคำเบิกความของพยานทั้งสองสอดคล้องต้องกัน ไม่มีข้อพิรุธให้น่าระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับโทษแต่อย่างใด นอกจากนั้นในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 2และที่ 3 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่พลตำรวจสมพงษ์ตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งสอดคล้องกับที่จำเลยที่ 3ให้การในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวแก่ผู้ซื้อ ยิ่งกว่านั้นในชั้นพิจารณา จำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพตามคำฟ้องโดยมิได้นำพยานเข้าสืบหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ตกลงขายและเป็นผู้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 นำมาให้แก่พลตำรวจสมพงษ์ แม้พลตำรวจสมพงษ์จะยังมิได้ชำระเงินแก่จำเลยที่ 1 แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2และที่ 3 ก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้ว และจำเลยที่ 1เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานดังกล่าว หาใช่เป็นแต่เพียงพยายามกระทำความผิดหรือเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในข้อต่อไปขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายนั้นมีจำนวนมากทั้งความผิดดังกล่าวเกี่ยวโยงกับความปลอดภัยของสาธารณชนและความมั่นคงของประเทศชาติ ถือได้ว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยที่ 1 กำหนด 25 ปี และลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกมีกำหนด 12 ปี6 เดือนนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข เมื่อโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1 ดังกล่าวเกินกว่า 2 ปี จึงไม่อาจรอการลงโทษแก่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1ข้อนี้ ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share