แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ บ. และ ส. ตกลงให้เงินแก่จำเลยเพื่อนำไปมอบให้แก่คณะกรรมการสอบ หรือผู้สั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ในตำแหน่งเสมียนได้ เพื่อให้ช่วยเหลือบุตรของตนเข้าทำงาน ในกรมชลประทานโดยไม่ต้องสอบนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถือได้ว่า บ. และ ส. ใช้ให้จำเลยกระทำผิดนั่นเอง บ. และ ส. จึงมิใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง แม้จะได้ร้องทุกข์และพนักงาน สอบสวนทำการสอบสวนมาแล้วก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 กับให้จำเลยคืนเงินจำนวน32,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสอง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 32,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสอง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่า นางบุญช่วยและนางสมบุญได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยากล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกงโดยหลอกลวงว่าสามารถนำบุตรสาวของนางบุญช่วยและนางสมบุญเข้าทำงานเป็นเสมียนของกรมชลประทานได้โดยไม่ต้องสอบและเรียกร้องเอาเงินคนละ 40,000 บาท จำเลยได้รับเงินจากนางบุญช่วยและนางสมบุญไปแล้วคนละ 16,000 บาทมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า นางบุญช่วยและนางสมบุญเป็นผู้เสียหายหรือไม่ นายไพฑูรย์ เรณูหอม ซึ่งเป็นคนพาจำเลยไปพูดจาตกลงกับนางบุญช่วยและนางสมบุญเป็นพยานโจทก์ ได้เบิกความว่า จำเลยบอกว่าสามารถนำคนเข้าทำงานตำแหน่งเสมียนในกรมชลประทานได้ ได้เงินเดือนขั้นต่ำประมาณ 1,800 บาทโดยไม่ต้องสอบ เป็นการเข้าไปโดยต้องเสียเงินคนละประมาณ 40,000บาท เงินจำนวนนี้จะนำไปให้อธิบดีบ้าง เลขาบ้าง และเจ้านายชั้นสูง ๆ บ้าง จ่ายครั้งแรกเพื่อนำไปเป็นค่าเลี้ยงดูให้แก่พวกผู้ใหญ่ที่จะนำเด็กเข้าทำงาน นางบุญช่วย เบิกความว่าให้เงินจำเลยเพื่อจะนำไปให้คณะกรรมการสอบช่วยเหลือให้บุตรสาวของตนเข้าทำงาน นางสมบุญก็เบิกความว่า จำเลยบอกว่าถ้าเสียเงิน 40,000 บาท แล้วไม่ต้องมีการสอบเข้า ทำงานได้เลยต่อมาอีกประมาณ 1 อาทิตย์ พยานจึงตอบตกลงที่จะให้บุตรสาวไปทำงาน ดังนี้ เห็นความประสงค์ของนางบุญช่วยและนางสมบุญได้ว่าการที่นางบุญช่วยและนางสมบุญตกลงให้เงินแก่จำเลยเพื่อให้นำไปมอบให้แก่คณะกรรมการสอบ หรืออธิบดี หรือผู้ซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งเสมียนได้เพื่อให้ช่วยเหลือบุตรสาวของตนเข้าทำงานในกรมชลประทานโดยไม่ต้องสอบนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ถือได้ว่า นางบุญช่วยและนางสมบุญใช้ให้จำเลยกระทำผิดนั้นเอง นางบุญช่วยและนางสมบุญจึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว แม้จะได้ร้องทุกข์ไว้และพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนมาแล้ว ก็ไม่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน