แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้กรรมการตรวจฎีกาโจทย์ อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษฯ
ย่อยาว
คดีโจทย์ฟ้องว่า เมื่อโจทย์อยู่บ้านหลวงอร่าม ฯ ได้รับซ่อมเครื่องระหัดน้ำไฟของนายเซียนจีน ครั้นโจทย์ย้ายบ้านไปยังหาได้ขนเครื่องระหัดน้ำไฟไปด้วยไม่ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๑ โจทย์นำเกวียนจะไปขนเครื่องระหัดน้ำไฟนั้น จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้ขน ภายหลังจำเลยขายเครื่องระหัดน้ำไฟนั้นเสียทำให้โจทย์ต้องเสียเงินใช้ค่าระหัดน้ำไฟให้นายเซียนจีนไป ๗๕๐ บาท ดังปรากฎในคดีที่ ๒๙/๒๔๖๑ ขอให้จำเลยใช้เงินค่าระหัดน้ำไฟรายนี้ให้โจทย์ ฯ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า เมื่อจำเลยมาเช่าบ้านหลวงอร่าม ฯ อยู่ไม่เห็นมีเครื่องระหัดน้ำไฟ มีแต่เหล็กสั้นบ้างยาวบ้างกองอยู่ที่หลังบ้าน จำเลยต้องการพื้นที่นั้นจึงได้บอกแก่โจทย์ ๆ ว่าเหล็กชำรุดไม่ต้องการแล้ว จำเลยก็ยังทิ้งไว้ในที่นั้นเอง และตัดฟ้องว่าถ้าเครื่องระหัดน้ำไฟอยู่ในบ้านจำเลย ๆ ขัดขวางไว้ โจทย์ก็ควรรีบว่ากล่าวเสียไม่ควรทิ้งมาจน ๓ ปีเศษ ฯ
ศาลมณฑลภูเก็จพิจารณาแล้ว ฟังว่าเครื่องระหัดน้ำไฟของโจทย์ได้ตกอยู่ที่บ้านจำเลย ครั้นโจทย์จะขนไปจำเลยขัดขวางเสียจนเครื่องระหัดน้ำไฟนั้นได้สูญหายไป ทำให้โจทย์ต้องเสียเงินใช้ให้นายเซียนจีนไป ๗๕๐ บาท ดังปรากฏในคดีที่ ๒๙/๒๔๖๑ จำเลยต้องใช้เงินรายนี้แทนโจทย์ พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๗๕๐ บาท เท่าที่โจทย์ได้เสียไปให้แก่โจทย์ ฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทย์ถือเอาข้อที่โจทย์ต้องยอมใช้เงินให้นายเซียนจีนในคดีที่ ๒๙/๒๔๖๑ แล้ว จึงฟ้องคดีนี้เพื่อให้จำเลยใช้เงินนั้นให้แก่โจทย์ โดยกล่าวว่าจำเลยขัดขวางไม่ให้โจทย์ขนเครื่องระหัดน้ำไฟไป และโจทย์นำพยานมาสืบว่า ได้เห็นเครื่องระหัดน้ำไฟอยู่ที่บ้านจำเลย เมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๑ คือ โจทย์เบิกความว่าได้นำเกวียนไปเพื่อขนเครื่องระหัดน้ำไฟนี้เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม แต่นายตันค้องผู้รับจ้างขับเกวียนว่าได้ไปขนวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๑ ซึ่งนับเวลามาจนพยานเบิกความได้ ๘ เดือนเศษ ส่วนนายตันพี้พยานซึ่งเปนคนขับเกวียนอิกคน ๑ ก็เบิกความว่า โจทย์ได้ให้พยานขนเครื่องเหล็กสั้น ๆ ยาว ๆ ไปจากบ้านจำเลยในวันนั้น พยานทั้ง ๒ นี้ยืนยันว่าเครื่องระหัดน้ำไฟยังอยู่ที่หลังบ้านจำเลย เครื่องระหัดน้ำไฟนี้เปนหม้อน้ำใหญ่และสูงนอนตะแคงอยู่ ตามที่พยานทั้ง ๒ กล่าวนี้น่าเชื่อฤาไม่ว่าพยานรู้จักเครื่องระหัดน้ำไฟ เพราะพยานเปนแต่คนขับเกวียน และอิกประการ ๑ เมื่อจำเลยขัดขวางแล้วโจทย์ก็ควรว่ากล่าวเสียให้ทันที เพราะโจทย์เปนผู้รับผิดชอบในเครื่องระหัดน้ำไฟนี้ต่อผู้จ้าง แต่โจทย์หาได้ทำดังนั้นไม่โจทย์พึ่งมาว่ากล่าวเมื่อเวลาล่วงเลยมานาน ฝ่ายจำเลยก็นำสืบได้ความชัดว่าเมื่อโจทย์ออกจากบ้านหลวงอร่าม ฯ ไปนั้นได้ขนเครื่องเหล็กใหญ่ไปหมดแล้ว พยานนี้เปนคนอยู่กับโจทย์และเปนคนขนเครื่องเหล็กของโจทย์ไปบ้านใหม่ เครื่องระหัดน้ำไฟเปนของใหญ่โตจะบังตาพยานปากนี้มิได้ การที่โจทย์ต้องเสียหายไปในคดี ๒๙/๒๔๖๑ นั้นจำเลยก็ถูกฟ้องด้วย แต่นายเซียนจีนได้ถอนชื่อจำเลยออกแล้ว ที่เปนเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นว่านายเซียนจีนไม่มีหลักฐานจะฟ้องร้องจำเลยได้ ส่วนโจทย์ต้องเสียหายไปก็โดยที่โจทย์มีสัญญากับนายเซียนจีนว่าจะซ่อมแซมเครื่องระหัดน้ำไฟ เมื่อนายเซียนจีนไม่ได้เครื่องระหัดน้ำไฟโจทย์ก็ต้องรับผิดชอบ และถ้ายังเห็นว่าจำเลยจะเอาเครื่องระหัดน้ำไฟไปขายเสียจริงแล้วโจทย์ก็ควรสู้คดีกับนายเซียนจีนให้ถึงที่สุด หาควรยอมใช้ค่าเสียหายคนเดียวไม่ ข้อนี้ส่อให้เห็นว่าโจทย์นำเดิรคดีในภายหลังและนำสืบให้ศาลเชื่อว่าจำเลยขายเครื่องระหัดน้ำไฟไปแก่ใคร และเครื่องระหัดน้ำไฟนั้นตกอยู่แก่ใครไม่ได้ ดังนี้ จึงเห็นว่าเครื่องระหัดน้ำไฟของนายเซียนจีนนั้น โจทย์ได้ขนไปเมื่อย้ายบ้านแล้วเครื่องระหัดน้ำไฟหาได้ตกอยู่ที่บ้านจำเลยไม่ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลเดิมและยกฟ้องโจทย์ ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแทนจำเลย กับค่าทนาย ๒ ศาลเปนเงิน ๕๐ บาท ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาคดีนี้ตลอดแล้ว ทางพิจารณาข้อเท็จจริงว่าระหัดน้ำไฟจะตกอยู่ที่จำเลย และจำเลยได้ขายไปเสียนั้น เห็นว่าพยานโจทย์เบิกความหามีน้ำหนักหลักฐานอันควรฟังมาหักล้างพยานจำเลยได้ไม่ และโจทย์ก็สืบไม่ได้ความว่าจำเลยได้ขนเครื่องระหัดน้ำไฟไปให้แก่ใคร เพราะฉนั้นจะฟังพยานโจทย์เปนจริงไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาให้ยกฟ้องโจทย์เสียนั้นชอบด้วยรูปความแล้ว ฎีกาโจทย์ฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย ให้โจทย์เสียค่าทนายความแทนจำเลยชั้นศาลฎีกานี้ ๕๐ บาท ฯ
วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓