แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934-1936/2534 ที่วินิจฉัยว่า ทางเดินหน้าบ้านจำเลยเป็นที่ดินของโจทก์นั้นเป็นคดีที่โจทก์พิพาทกับบุคคลอื่นเกี่ยวกับบ้านหลังอื่นซึ่งมิใช่บ้านพิพาทของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 แม้จำเลยที่ 4 จะเป็นคู่ความด้วยแต่ก็อยู่ในฐานะเจ้าของบ้านเลขที่ 31 ซึ่งเป็นคนละหลังกับบ้านพิพาทของจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ ส่วนบ้านพิพาทคดีนี้โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยทั้งเจ็ดและเจ้าของบ้านเดิมของบ้านพิพาทโดยอ้างเหตุว่าบ้านของจำเลยทั้งเจ็ดปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ คดีถึงที่สุดว่าที่ดินปลูกบ้านพิพาทและทางเดินหน้าบ้านของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นที่สาธารณะ คำพิพากษาคดีก่อน มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก ดังนั้นบ้านของจำเลยทั้งเจ็ดจึง ไม่อยู่ติดต่อกับที่ดินโจทก์เพราะมีทางสาธารณะคั่นอยู่ บ้านของจำเลยทั้งเจ็ดย่อมไม่เกี่ยวข้องกับการที่โจทก์จะสร้างพนังกั้นน้ำหรือทำเขื่อนเพื่อป้องกันดินพัง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งเจ็ดรื้อถอนบ้านพิพาทออกไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ที่ ๙ และที่ ๑๐ รื้อถอนบ้านเลขที่ ๓๘, ๓๖, ๓๔, ๓๒, ๒๔, ๒๒, ๒๐/๑, ๑๒/๑, ๑๒/๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จักหวัดนครปฐม ออกไป กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์คนละ ๑,๐๐๐ บาท ต่อเดือน นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ที่ ๙ และที่ ๑๐ จะรื้อถอนบ้านออกไป
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ที่ ๙ และที่ ๑๐ ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ รื้อบ้านเลขที่ ๓๘, ๓๖, ๓๔, ๓๒, ๒๔, ๒๒, ๒๐/๑ หมู่ที่ ๕ ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามแนวเขตโฉนดที่ดินให้เพียงพอ แก่การทำผนังกันดิน กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๖๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจาก ที่ดินของโจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๙ และที่ ๑๐
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๙๓๔-๑๙๓๖/๒๕๓๔ ใช้ยันจำเลยไม่ได้นั้นแล้ว เห็นว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๙๓๔-๑๙๓๖/๒๕๓๔ ที่วินิจฉัยว่า ทางเดินหน้าบ้านจำเลยเป็นที่ดินของโจทก์นั้น ในชั้นฎีกาเป็นคดีที่โจทก์พิพาทกับบุคคลอื่นเกี่ยวกับบ้านหลังอื่น ซึ่งไม่ใช่บ้านพิพาทของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ แม้จำเลยที่ ๔ เป็นคู่ความด้วยในฐานะเจ้าของบ้านเลขที่ ๓๑ ซึ่งเป็นคนละหลังกับบ้านพิพาทของจำเลยที่ ๔ ในคดีนี้ แต่ในส่วนบ้านพิพาทคดีนี้โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยทั้งเจ็ดและเจ้าของเดิมของบ้านพิพาทโดยอ้างเหตุว่าบ้านของจำเลยทั้งเจ็ดปลูกสร้างบนที่ดินของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดตามหมายเลขแดงของศาลอุทธรณ์ที่ ๔๔๗๖-๔๔๙๒/๒๕๓๑ ว่าที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทและทางเดินหน้าบ้านพิพาทของจำเลยทั้งเจ็ดเป็นที่สาธารณะ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยทั้งเจ็ดซึ่งเป็นคู่ความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรคแรก ดังนั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติว่า บ้านจำเลยทั้งเจ็ดไม่อยู่ติดต่อกับที่ดินโจทก์เพราะมีทางสาธารณะคั่นอยู่บ้าน จำเลยทั้งเจ็ดย่อมไม่เกี่ยวข้องกับการที่โจทก์จะสร้างผนังกั้นน้ำทำเขื่อนเพื่อป้องกันดินพัง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งเจ็ดรื้อถอนบ้านออกไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓