คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5304/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ไม้สักเป็นไม้หวงห้ามที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองสงวนรักษาเป็นพิเศษ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และ 73บัญญัติลงโทษผู้ที่มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองเสมอโดยไม่จำกัดว่าจะมีเป็นจำนวนเท่าใด แตกต่างจากการมีไม้แปรรูปชนิดอื่นไว้ในครอบครอง ซึ่งจะต้องมีจำนวนเกิน 0.2 ลูกบาศก์เมตรจึงจะเป็นความผิด เมื่อจำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวนถึง 113 แผ่นปริมาตร 3.641 ลูกบาศก์เมตร นับเป็นไม้จำนวนมาก เป็นพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อทรัพยากรของชาติ แม้ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติจะปรากฎว่าไม้ของกลางเป็นของวัด ก็ยังไม่ใช่เหตุอันควรปรานีที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้สักแปรรูปจำนวน113 แผ่น ปริมาตร 3.641 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา5, 7, 48, 73, 74 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบไม้สักแปรรูปของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 5, 7, 48, 73, 74 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับจำคุกมาก่อน พิเคราะห์เหตุอันควรปรานีตามรายงานพนักงานคุมประพฤติประกอบแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้รอการลงโทษ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งไม้สักเป็นไม้หวงห้ามที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองสงวนรักษาเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้จากความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48 และมาตรา 72 ที่บัญญัติลงโทษผู้ที่มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองเสมอโดยไม่จำกัดว่าจะมีเป็นจำนวนเท่าใด แตกต่างจากการมีไม้แปรรูปชนิดอื่นไว้ในครอบครอง ซึ่งจะต้องมีจำนวนเกิน 0.2 ลูกบาศก์เมตร จึงจะเป็นความผิด คดีนี้จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวนถึง 113 แผ่น ปริมาตร 3.641 ลูกบาศก์เมตร นับเป็นไม้จำนวนมาก เป็นพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อทรัพยากรของชาติแม้ตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติจะปรากฏว่าไม้ของกลางเป็นของวัดปาดกอง ก็ยังไม่ใช่เหตุอันควรปรานีที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองโดยไม่รอการลงโทษแต่เห็นว่าโทษจำคุกที่ศาลล่างทั้งสองลงแก่จำเลยนั้นหนักเกินไป เห็นสมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมกับความผิด และเนื่องจากจำเลยที่ 1ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 อันเป็นเหตุลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1ไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปีจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงคำคุกคนละ 1 ปี นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share